HoonSmart.com>>“สตาร์ มันนี่” หรือ SM ผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 2.04 บาท P/E 17.25 เท่า เปิดจองซื้อ วันที่ 8, 9 และ 13 ธ.ค.นี้ เข้าเทรด SET 20 ธ.ค. เผยระดมทุน 612 ล้านบาท เร่งขยายสาขากลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก รองรับการเติบโต EEC
นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ (SM) เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในแผนงานและก้าวย่างที่สำคัญของสตาร์ มันนี่ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากนำเงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 583 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่าย) นำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น นอกจากนี้ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทเข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน
ทั้งนี้ SM จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% โดยมีบริษัท ธนาธิวัตถ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนก่อน IPO 43% หลัง IPO สัดส่วน 31.27% และกลุ่มครอบครัวลาวัณย์เสถียร สัดส่วนก่อน IPO 40.72% หลัง IPO สัดส่วน 29.61%
นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล. เคจีไอ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ของบริษัท สตาร์ มันนี่ เปิดเผยว่า SM ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก(IPO)ที่ราคา 2.04 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขาย 612 ล้านบาท เปิดจองซื้อในวันที่ 8, 9 และ 13 ธ.ค. โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) วันที่ 20 ธ.ค.นี้
สำหรับราคาหุ้นที่เสนอขายหุ้นละ 2.04 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 17.25 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่ 1 ต.ค.64- 30 ก.ย.65) เทียบเคียง P/E เฉลี่ยของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ P/E เท่ากับ 29.71 เท่า
ส่วนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ 4 ปีข้างหน้า(2565 – 2568 ) ด้วยการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์สินเชื่อทางการเงินใหม่ๆ ที่หลากหลาย พร้อมทั้งขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการตามจังหวัดที่สำคัญของประเทศ อีกทั้ง จากประสบการณ์การทำงานยาวนานมากกว่า 30 ปี และมีความสัมพันธ์ที่ดีในภาคตะวันออกเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ SM สามารถขยายกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากการเติบโตและการขยายของ EEC ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ SM สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน
ด้านผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 SM มีรายได้รวม 1,067 ล้านบาท เติบโต 12.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท บริษัทมีการควบคุมลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ 4.48% โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าสัดส่วน 61.87% รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ 5.86% รายได้ดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม 28.28% รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้อื่นอยู่ที่ 3.99%
แนวโน้มในปี 2565 คาดว่าผลประกอบการจะใกล้เคียงของปี 2564 เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่องจากปีก่อน แต่ในปี 2566 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัว มีปัจจัยหนุนจาก EEC และเงินระดมทุนจะสนับสนุนแผนการเติบโต
บริษัท SM ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันประเภททะเบียนรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รถใช้งานเพื่อการเกษตร รวมถึงสินเชื่อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบขายเงินสดและขายเงินผ่อน
#SM #KGI #IPO #EEC