WHAIR เคาะราคาขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนไม่เกิน 7.20 บาท

HoonSmart.com>> กองทรัสต์ WHAIR เดินหน้าเปิดขายหน่วยเพิ่มทุน เคาะราคาจองซื้อสูงสุดไม่เกิน 7.20 บาท/หน่วย ผู้ถือหน่วยเดิมจองซื้อ 2 ,6-9 ธ.ค. นักลงทุนทั่วไป 14-16 ธ.ค.นี้ นำเงินลงทุนเพิ่มทรัพย์สิน 7 โครงการ มูลค่าไม่เกิน 1,345.89 ล้านบาท ดันพอร์ตแตะ 13,000 ล้านบาท เดินหน้าตอกย้ำความแข็งแกร่งของทรัพย์สินในเขตพื้นที่ EEC ประมาณการอัตราผลตอบแทน 8.9%

นางสาวจารุชา สติมานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (กองทรัสต์ WHAIR) เปิดเผยว่า กองทรัสต์ WHAIR เตรียมเสนอขายหน่วยหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมสามารถใช้สิทธิจองซื้อ ระหว่างวันที่ 2 และ 6-9 ธ.ค. ในอัตราส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.1303 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม ขณะที่นักลงทุนทั่วไป สามารถจองซื้อระหว่างวันที่ 14-16 ธ.ค.นี้ ราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 7.20 บาทต่อหน่วย

ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ K-Contact Center ของธนาคารกสิกรไทย โทร 02 888 8888 ต่อ 819 หรือจองซื้อผ่านทางเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) และสาขาของธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา โดยราคาเสนอขายสุดท้ายจะมีการประกาศผ่านเว็บไซต์ของทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้ทราบอีกครั้ง

สำหรับการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHAIR ในครั้งนี้ จะเป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าทรัพย์สินเพิ่มเติมของ WHA Group ในอาคารโรงงานสำเร็จรูป (Ready Built Factory) และ คลังสินค้าสำเร็จรูป (Ready Built Warehouse) ระยะเวลา 30 ปี และสิทธิในการต่ออายุสัญญาเช่าทรัพย์สินอีก 30 ปี จำนวนทั้งหมด 14 หลัง จาก 7 โครงการ ไม่เกิน 1,345.89 ล้านบาท พื้นที่รวม 48,186 ตารางเมตร โดยเป็นทรัพย์สินจาก 3 บริษัท ภายใต้กลุ่มของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทั้งนี้ภายหลังการเข้าลงทุนแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2565 นั้น จะส่งผลให้ WHAIR มีมูลค่าสินทรัพย์รวมของกองทรัสต์แตะ ที่ระดับกว่า 13,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 428,818 ตารางเมตร

ทรัพย์สินที่มีการลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ ได้แก่

1.) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียลเอสเตท จำกัด เป็นอาคารโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 1 หลัง และคลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 3 หลัง ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 1 (WHA ESIE 1) และโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 2 (WHA LP 2)

2.) บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล บิวดิ้ง จำกัด เป็นอาคารโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 3 หลัง และคลังสินค้าสำเร็จรูป จำนวน 4 หลัง ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรม อีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE), โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 1 (WHA CIE 1), โครงการนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กบินทร์ (KABIN), โครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 1 (WHA LP 1) และโครงการดับบลิวเอชเอ โลจิสติกส์พาร์ค 4 (WHA LP 4)

3.) บริษัท อีสเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเตรียล เอสเตท (ระยอง) จำกัด เป็นอาคารโรงงานสำเร็จรูป จำนวน 3 หลัง ภายในโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) (ESIE)

ด้านนายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHAIR กล่าวว่า การจองซื้อหน่วยเพิ่มทุนของ WHAIR ในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะมีการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากกองทรัสต์ WHAIR มีความโดดเด่นของทรัพย์สินที่ลงทุนซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์กลางของอุตสาหกรรม และศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญของประเทศไทย ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งผู้เช่าคุณภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีการกระจายตัวที่เหมาะสม

ทั้งนี้ภายหลังการการลงทุนเพิ่มเติมแล้ว กองทรัสต์จะมีขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่ขึ้น และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทน เพิ่มสูงขึ้น โดยมีประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนที่ระดับ 0.64 บาทต่อหน่วย อ้างอิงจากงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติสำหรับปีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566 หรือคิดเป็นประมาณการอัตราผลตอบแทนถึง 8.9%

นอกจากนี้ทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHAIR มีการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ เกือบทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยที่รัฐบาลให้การสนับสนุนและมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศครอบคลุมอุตสาหกรรม New S Curve ที่จะเป็นอุตสาหกรรมอนาคตของประเทศไทย จึงสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้เป็นอย่างดี ดังนั้นกองทรัสต์ WHAIR ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนดี และมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมๆ กับ EEC