KJL ปิดเทรดวันแรกที่ 17.80 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 31.85%

HoonSmart.com>>หุ้น KJL ปิดเทรดวันแรกที่ 17.80 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 31.85% เป็นบริษัทที่มีโอกาสดีจากการเติบโตที่หลากหลายอุตสาหกรรม คาดกำไรสุทธิในช่วง 3 ปี (ปี 65–67) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 14.6% หลังขาย IPO คาดบริษัทจะมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเป็น 1.1 เท่า จากเดิม 2.3 เท่า ประเมินมูลค่าพื้นฐานในปี 66 ที่ 17.30 บาท

หุ้น KJL ปิดเทรดวันแรกที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 4.30 บาท หรือ +31.85% จากราคาขาย IPO ที่ 13.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,722.95 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 17.20 บาท ขึ้นสูงสุด 19.10 บาท และต่ำสุด 16.90 บาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) เป็นบริษัทที่มีโอกาสดีจากการเติบโตที่หลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งรองรับด้วยกำลังการผลิตใหม่ และการมีจุดเด่นจากคุณภาพของสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารที่มีความชำนาญการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ สนับสนุนผลประกอบการยังเหฯการเติบโตที่ต่อเนื่อง จึงคาดกำไรสุทธิในช่วง 3 ปี (ปี 2565–2567) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 14.6% หลังการขายหุ้น IPO คาดบริษัทจะมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงเป็น 1.1 เท่าจากเดิม 2.3 เท่า ประเมินมูลค่าพื้นฐานในปี 2566 ที่ 17.30 บาท อิงวิธี PE ที่ 16.5 เท่า

KJL ดําเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิตสินค้าตู้ไฟสวิทช์บอร์ด ตู้กันน้ำแบบมีหลังคาเพื่อใช้ภายนอกอาคาร ตู้ไฟฟ้ากันผุ่น สำหรับอุตสาหกรรมรวมถึงงานรางเดินสายไฟ รางไวรเ์วย์ รํางเคเบิ้ลแลดเดอร์ รวมถึงงานออกแบบผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าและบริษัทได้มีการร่วมมือกับบริษัทชไนเดอร์ อิเลคทริค เพื่อผลิตและจําหน่ายตู้สวิทซ์บอร์ดไฟฟ้ํา และจากประสบการณ์ของผู้บริหารกว่ํา 35 ปี ในการ บริหารจัดการทําให้สินค้าของบริษัทได้รับการยอมรับของตลาดด้วยคุณภาพสินค้าพร้อมการให้บริการที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีดดยให้บริการ KJL NOW สั่งด่วน ได้เร็ว

จากแนวโน้มการเติบโตหลายภาคอุตสาหกรรมตามการเติบโตของการลงทุน รวมทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน เช่น 1)อุตสาหกรรมก่อสร้างจากแผนการพัฒนาสาธารณปูโภคพื้นฐานของภาครัฐในการลงทุนโครงการมูลค่าสูง เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการมอเตอร์เวย์

รถไฟทางคู่การพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ 2) การใช้พลังงานไฟฟ้าที่ เพิ่มขึ้น ตามสัญญาณการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายกิจกรรม ทางเศรษฐกิจสามารถทําได้เป็นปกติ 3)การเติบโตของธุรกิจยานยนต์ไฟ้า (EV) ซึ่งมีแนวโน้มเห็นการพัฒนาและเติบโตมากขึ้น ซึ่งการเติบโตในทุกภาคของอุตสาหกรรมช่วยสนับสนุนปริมาณความต้องการสินค้าของ KJL เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

บริษัทมีแผนพัฒนาธุรกิจต่อเนื่อง โดยมีแผนเพิ่มกําลังการผลิตของสินค้าตู้ไฟสวิทซ์บอร์ด และรางเดิน สายไฟ จากปัจจุบันที่ 20.5 ล้านชิ้นต่อปี คาดสามารถเพิ่มกําลังการผลิตได้ในปี 2566 รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการศึกษาสินค้าใหม่พร้อมช่องทางการจัดจําหน่ายเพิ่มจากแผนการลงทุนก่อสร้างศูนย์นวัตกรรม KJL แห่งใหม่เพื่อเป็นการจัดแสดงสินค้าตัวอย่าง และเพื่อวิจัย และพัฒนาสินค้า ทั้ง ภายใน และร่วมพัฒนากับบุคลภายนอก และยังเป็นพื้นที่ทดสอบสินค้าเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่รองรับกับการเติบโตและขยายฐานลูกค้า เพิ่มจากธุรกิจใหม่ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ํา และการเติบโตในอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีต่อยอดขายในอนาคต