“บล.คิงส์ฟอร์ด” เสิร์ฟหุ้นเด่นแนะ PTG-BJC

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610 จุด แนวต้านแรก 1,620 จุด ปัจจัยหนุนจาก IMF คาด GDP ไทยปีนี้ +2.8% ปีหน้า +3.7% การบริโภคและท่องเที่ยวปรับดีขึ้น แนะทยอยซื้อ CPALL, MAKRO, BJC, HMPRO คาดยอดขายดีขึ้นในช่วงบอลโลก พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่น PTG,BJC

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610 จุด แนวต้าน 1,620 – 1,625 จุด ได้ปัจจัยหนุนจาก IMF คาด GDP ไทยปีนี้ +2.8% ปีหน้าคาด +3.7% จากการบริโภคและท่องเที่ยวปรับดีขึ้น แนะนำทยอยซื้อ CPALL, MAKRO, BJC, HMPRO ปัจจัยบวกจากยอดขายคาดดีขึ้นในช่วงบอลโลก

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ PTG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 17.70 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 ยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว QoQ (YoY พลิกกำไร) ได้แรงหนุนจากการเข้าสู่ช่วง High Season ของการเดินทาง ส่งผลบวกธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน (ท่องเที่ยว) น้ำมันดีเซล (เก็บเกี่ยวผลิตภาคเกษตร) นอกจากนี้ยังส่งผลบวกต่อธุรกิจ non-oil จากการขายกาแฟ

ขณะที่ต้นทุน SG&A จะยังคงสูงต่อเนื่องจาก 3Q65 ทั้งจากการปรับขึ้นค่าแรง (เร่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย) และค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการขยับ Marketing Margin เพื่อสะท้อนต้นทุนดังกล่าวทำให้แนวโน้มทรงตัวที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร ขณะที่ธุรกิจ Palm complex คาดว่าจะขาดทุนลดลง จากการส่วนผสมเป็น B7

หุ้น BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี66 42.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการ 4Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัวแรง QoQ จากการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย และ จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไตรมาส 4 ก็เป็น high season ของการท่องเที่ยวในไทยอยู่แล้ว โดย Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม CVS; mini BigC รวมไปถึงการซื้อขนมขบเคี้ยว/ของฝากใน BigC

นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากงานฟุตบอลโลก รวมไปถึงนโยบายการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯที่คาดว่าจะออกมาในเดือนนี้ด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 5,079 ล้านบาท (+41.69% YoY) และ 6,024 ล้านบาท (+18.59%YoY) ตามลำดับ

ขณะที่ต้นทุน SG&A จะยังคงสูงต่อเนื่องจาก 3Q65 ทั้งจากการปรับขึ้นค่าแรง (เร่งขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทย) และค่าไฟฟ้า อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีการขยับ Marketing Margin เพื่อสะท้อนต้นทุนดังกล่าวทำให้แนวโน้มทรงตัวที่ 1.8-1.9 บาทต่อลิตร ขณะที่ธุรกิจ Palm complex คาดว่าจะขาดทุนลดลง จากการส่วนผสมเป็น B7

หุ้น BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี66 42.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการ 4Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัวแรง QoQ จากการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย และ จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไตรมาส 4 ก็เป็น high season ของการท่องเที่ยวในไทยอยู่แล้ว โดย Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม CVS; mini BigC รวมไปถึงการซื้อขนมขบเคี้ยว/ของฝากใน BigC

นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากงานฟุตบอลโลก รวมไปถึงนโยบายการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯที่คาดว่าจะออกมาในเดือนนี้ด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันบล.คิงส์ฟอร์ด ประมาณการกำไรสุทธิปี65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 5,079 ล้านบาท (+41.69%YoY) และ 6,024 ล้านบาท (+18.59%YoY) ตามลำดับ