HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 7 จุด หลังเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อคุมเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.95 ดอลลาร์ กว่า 4.6% ปิด 81.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ปิดที่ 33,546.32 จุด ลดลง 7.51 จุด หรือ 0.02% หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ให้ความเห็นส่งสัญญาณว่า การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุด
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,946.56 จุด ลดลง 12.23 จุด, -0.31%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,144.96 จุด ลดลง 38.70 จุด, -0.35%
ตลาดปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของวันหลังหุ้นซิสโก ซิสเต็มพุ่งเกือบ 5% หลังรายงานการดำเนินงานไตรมาสแรกที่ดีกว่าคาด และปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ หุ้นเทคโนโลยีอื่นต่างปรับขึ้นเช่นกัน ทั้งหุ้นแอปเปิล หุ้นอินเทล
หุ้นเมซีส์ อิงค์ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 15% หลังกำไรดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดและปรับเพิ่มคาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปี หุ้นโคห์ลส เพิ่มขึ้น 5% จากผลการดำเนินงานดีกว่าคาด แต่งดคาดการณ์แนวโน้มทั้งปี
หุ้นบาธแอนด์ บอดี้เวิร์คส์เพิ่มขึ้น 25% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์ผลการดำเนินงานทั้งปี
การให้ความเห็นของนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์ หลุยส์ กดดันตลาดให้อ่อนตัวลง หลังจากบ่งชี้ว่า การดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวของเฟดจนถึงขณะนี้มีผลจำกัดต่อเงินเฟ้อ ดังนั้นแม้แต่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายนับจากนี้ไปก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1%
“อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่อยู่ในโซนที่ถือว่าได้เข้มงวดมากพอ” นายบุลลาร์ดกล่าว
นอกจากนี้นายนีล คาชคารี ประธานเฟดสาขามินนิอาโปลิสก็ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า มีข้อมูลน้อยที่บ่งชี้ว่าความต้องการชะลอตัวลง ดังนั้นเฟดยังไม่ถึงจุดที่จะหยุดการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย
นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้ แสดงความเห็นว่า ตลาดแรงงานตึงตัวอย่างมาก และยังมองไม่เห็นว่า การดึงเงินเฟ้อลงโดยที่ไม่ทำให้ภาคเศรษฐกิจจริงชะลอตัวทำได้อย่างไร และอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงเพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุ 2 ปี ปรับตัวขึ้นไปที่ 4.45% จากความกังวลที่มากขึ้นว่าเศรษฐกิจจะถดถอย
หุ้นกลุ่มที่เปราะบางต่อเศรษฐกิจถดถอยปรับตัวลดลง ทั้งกลุ่มวัสดุ และสินค้าฟุ่มเฟือย
มาร์ค เฮเฟเล จาก UBS Global Wealth Management กล่าวว่า นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพิ่มขึ้นและผลการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ที่สะสมบ่งชี้ว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอยมีมากขึ้น และจะยังไม่เห็นการลดดอกเบี้ย
กระทรวงแรงงานรายงาน การยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 222,000 ราย ต่ำกว่า 225,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเหมืองแร่ที่ลดลง 1.8% นักลงทุนเกาะติดสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการประกาศงบประมาณของอังกฤษ ซึ่งมีการตัดงบประมาณลง 30 พันล้านปอนด์และมีการปรับขึ้นอัตราภาษีรวมเป็นเงิน 25 พันล้านปอนด์
เงินปอนด์อ่อนค่าลง 1.1% มาที่ 1.1777 ดอลลาร์
นอกจากนี้รัฐมนตรีคลังอังกฤษยังกล่าวว่า เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยแล้วเมื่อประเมินจากข้อมูลของสำนักงานสถิติ
ในตลาดหุ้นเยอรมนีหุ้นซีเมนส์เพิ่มขึ้น 7% จากผลประกอบการไตรมาส 4 ที่สดใส
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 428.38 จุด ลดลง 1.79 จุด, -0.42%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,346.54 จุด ลดลง 4.65 จุด, -0.06%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,576.12 จุด ลดลง 31.10 จุด, -0.47%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,266.38 จุด เพิ่มขึ้น 32.35 จุด, +0.23%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมลดลง 3.95 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 81.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 89.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล