BLS ชี้จังหวะเหมาะเก็บของถูก แนะซื้อ DR ทำกำไรหุ้นเวียดนาม

HoonSmart.com>>บล.บัวหลวง แนะนักลงทุนจับจังหวะซื้อของถูก ลงทุนผ่าน DR หลังตลาดหุ้นเวียดนามลงแรง 30-40% เหตุนักลงทุนรายย่อยตื่นตระหนกระยะสั้น แต่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเติบโตดี 6-7% ต่อปี และจะโตต่อเนื่องอีก 5 ปีข้างหน้า ส่วนตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงฟื้นตัวมาบ้างแล้ว ให้รอจังหวะย่อ 3-5% ก่อนเข้าซื้อลงทุน มองตลาดสหรัฐฯฟื้นสั้นเล่นรอบได้  ตลาดยังถูกกดดันจากผลประกอบการบริษัทไตรมาส 3-4 ยังไม่ดี แนะรอความชัดเจนผลงานไตรมาส 1 ปีหน้า ตลาดจะฟื้นกลับมา

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายหลักทรัพย์ต่างประเทศและฟิวเจอร์ส บล.บัวหลวง ให้สัมภาษณ์ “Hoonsmart.com” ระบุว่า บล.บัวหลวง ในฐานะผู้ออกหลักทรัพย์ Depositary Receipt (DR) ที่อ้างอิงหน่วยลงทุนของกองทุน Exchange Traded Fund (ETF) ที่ลงทุนหุ้นในดัชนีสำคัญๆในตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม, จีน, ฮ่องกง และสหรัฐฯ ปัจจุบันมีหลักทรัพย์ DR จำนวน 6 หลักทรัพย์ ( 5 หลักทรัพย์ก่อตั้งในปี 2565 โดย E1VFVN3001 ก่อตั้งปี 2561) ได้สรุปภาพรวมการซื้อขาย DR ในปีนี้มีมูลค่าเฉลี่ยต่อวันประมาณ 110 ล้านบาท DR ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน 2 หลักทรัพย์อ้างอิงดัชนีหุ้นเวียดนาม คือ FUEVFVND01 และ E1VFVN3001 มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 60 และ 45 ล้านบาทตามลำดับ

นายรัฐศรัณย์ กล่าวว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนหลักทรัพย์ DR เป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่อ้างอิงในช่วงปีที่ผ่านมา โดยตลาดหุ้นเวียดนามถือว่าปรับตัวลดลงมาแรงติดลบประมาณ 30-40% จากการที่ตลาดมีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อย 80-90% ตื่นตระหนกได้ง่าย ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง

ในช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาในตลาดหุ้นกู้มีกรณีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯ ที่ออกหุ้นกู้แต่ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ทำให้ทางการออกมาตรการมาควบคุมเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบ ทำให้สภาพคล่องในระบบตึงตัวมากขึ้น ต้องติดตามดูว่าจะมีบริษัทรายอื่น ๆ มีปัญหาตามมาหรือไม่ เมื่อมีความกังวลในประเด็นนี้ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงมาแรง มองว่าการออกมาควบคุมของทางการ แม้ส่งผลกระทบในระยะสั้น ๆ แต่จะทำให้เกิดเสถียรภาพต่อระบบโดยรวมในระยะยาว และเมื่อความเชื่อมั่นกลับมาเป็นปกติตลาดหุ้นก็พร้อมจะฟื้นตัวกลับมาแรงได้เหมือนกัน

“ช่วงนี้เป็นโอกาสเหมาะที่จะซื้อหุ้นได้ในราคาถูก ถือลงทุน 1 ปีขึ้นไป นักลงทุนที่ลงทุน DR อยู่แล้ว สามารถซื้อถัวเฉลี่ยได้ 1 ใน 3 ของที่มีอยู่ ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่ลงทุน DR ช่วงนี้สามารถเข้าซื้อได้เลย หรือจะทยอยซื้อเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average) ก็เป็นโอกาสที่สามารถเริ่มต้นได้ทันที” นายรัฐศรัณย์

ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของเวียดนามยังแข็งแกร่งมีอัตราการเติบโตที่ดีในระยะยาว ในช่วง 5 ปีนี้คาดว่า GDP จะขยายตัวได้ปีละ 6-7% โดยในปีนี้ทางเวียดนามก็ได้ปรับเป้าการขยายตัว GDP จาก 7.5% เป็น 8% ส่วนความกังวลเรื่องภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดในปีนี้ ก็คาดว่าจะคลี่คลายลงไปในช่วงครึ่งปีแรกของปีหน้า

ส่วนกรณีตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) ซึ่งอยู่ระหว่างการถ่ายโอนความเป็นสมาชิกของ World Federation of Exchanges (WFE) ไปยังตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม (Vietnam Exchange) ที่อาจส่งผลต่อ DR E1VFVN3001 และ FUEVFVND01 ที่ทาง  บล.บัวหลวง เป็นผู้ออก เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้บริหารของตลาดหลักทรัพย์เวียดนามได้ยืนยันกับทาง บล.บัวหลวงว่า ตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ยังเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของ WFE และได้จ่ายค่าสมาชิกสำหรับปี 2565 เป็นที่เรียบร้อย โดยตลาดหลักทรัพย์เวียดนามกำลังอยู่ในช่วงเตรียมการควบรวมระหว่างตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย โดยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องโครงสร้างพื้นฐานของตลาดที่เป็นธรรม ปลอดภัย และเชื่อถือได้สำหรับผู้ที่มีส่วนได้เสียทั้งในและต่างประเทศ การยืนยันจากผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์เวียดนามดังกล่าว จะช่วยคลายความกังวลแก่ผู้ถือ DR E1VFVN3001 และ FUEVFVND01 ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง นายรัฐศรัณย์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว จากแนวโน้มที่รัฐบาลจีนผ่อนคลายมากขึ้นในนโยบาย Zero Covid และมีโอกาสผ่อนคลายมากขึ้นอีกในปีหน้า โดยตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นมา ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงก็ฟื้นตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ทั้งนี้ เศรษฐกิจฮ่องกงจะพึ่งพากับจีนอยู่มาก โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจลดลงต่อเนื่องกันถึง 3 ไตรมาส หากจีนผ่อนคลายนโยบาย Zero-covid  เชื่อว่าเศรษฐกิจฮ่องกงจะฟื้นตัวได้เร็ว

นายรัฐศรัณย์ กล่าวว่า จังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นจีนและฮ่องกงช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ถ้าจะรอให้การผ่อนคลายนโยบาย Zero Covid เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ ก็อาจจะเข้าไม่ทัน ถึงตอนนั้นตลาดหุ้นก็อาจจะขึ้นไปรอแล้ว คาดว่าในไตรมาส 2 ของปีหน้าจีนอาจจะสามารถยกเลิกนโยบาย Zero Covid ได้ อย่างไรก็ตามในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงฟื้นตัวขึ้นมาเร็ว การเลือกจังหวะเข้าลงทุนควรรอให้ตลาดย่อตัวลงมาสัก 3-5% หรือจะทยอยลงทุนเพื่อเฉลี่ยต้นทุนก็เป็นวิธีที่เหมาะสม

ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถึงแม้ตัวเลขเงินเฟ้อจะดีขึ้นกว่าตลาดคาด แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สูง 7-8% ความคาดหวังอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในระยะยาวมองไว้ที่ 4-5% ที่ผ่านมา FED ก็ได้ขึ้นดอกเบี้ยเร็วแรง 0.75% 4 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือนจึงจะเห็นผลจากการใช้นโยบายการเงินที่ส่งผ่านไปยังภาคเศรษฐกิจจริง มองว่าในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนธ.ค. FED อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.50% เพราะผลที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นว่าสามารถชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจได้บ้างแล้ว อัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลง ต้องจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในต้นเดือนหน้าถ้าออกมาดีกว่าคาดอีกตลาดก็จะดีดตัวตอบรับกับข่าว

อย่างไรก็ตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ในไตรมาส 3-4 ปีนี้ ภาพรวมยังออกมาไม่ดี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่ในดัชนี S&P500 ที่กำไรชะลอตัว โดยคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเป็นปกติได้ในไตรมาส 1 ของปีหน้า ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นมา แต่แนวโน้มหลักยังไม่ใช่ตลาดขาขึ้น อาจมีการย่อตัวลงมาจากแรงขายทำกำไร และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยได้ นักลงทุนสามารถเล่นรอบทำกำไรได้ โดยต้องดูจังหวะการเข้าลงทุน แต่หากลงทุนระยะยาว ในช่วงที่บริษัทใหญ่ พื้นฐานดี ประกาศผลประกอบการออกมาไม่ดี อาจเป็นจังหวะที่ดีในการเลือกซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำ เพื่อรอให้ผลประกอบการกลับมาเติบโตเป็นปกติในช่วงครึ่งปีหลังปีหน้า

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ DR ที่อ้างอิงกองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้นต่างประเทศเป็นทางเลือกที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนกระจายการลงทุนได้หลากหลายตลาดมากขึ้น กระจายความเสี่ยง กระจายโอกาสในการทำกำไรในตลาดต่างประเทศ ขณะที่ DR สามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยไม่มีหยุดพักเที่ยง ซื้อขายด้วยเงินบาท ไม่ต้องเปิดบัญชีหุ้นต่างประเทศ ไม่ต้องแลกเปลี่ยนเงิน (ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคา DR จะมีค่าเงินมาเกี่ยวข้อง ถ้าเงินบาทอ่อนจะส่งผลดีต่อราคา DR ถ้าเงินบาทแข็งค่าจะส่งให้ราคา DR ลดลง) ไม่เสียภาษีกำไรจากส่วนต่างราคา การชำระราคาก็ทำได้รวดเร็วเหมือนซื้อขายหุ้นสามัญ

สำหรับผลประโยชน์ที่ได้รับนอกจากส่วนต่างราคาซื้อขายแล้วก็จะมีเงินปันผลตามแต่นโยบายของกองทุน ETF ที่เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงของ DR นอกจากนี้ ข้อดีของการลงทุนใน DR คือ ผู้ออกไม่เก็บค่า management fee DR ทำให้เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยสรุป DR เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่นักลงทุนควรศึกษาให้เข้าใจเพื่อหาโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนจากเครื่องมือการลงทุนที่หลากหลาย

 

#DR #ETF #BLS