ดาวโจนส์ปิดลบ 211 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย จับตาข้อมูลเศรษฐกิจ

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลบ 211 จุด นักลงทุนจับตาผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจ ค้าปลีก ยังวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ยหลังเจ้าหน้าที่ออกมาให้ความเห็นยังขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วง 3.09 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 85.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ปิดที่ 33,536.70 จุด ลดลง 211.16 จุด หรือ 0.63% นักลงทุนหันไปจับตาการรายงานผลประกอบการ และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ จากภาคค้าปลีก รวมทั้งยังวิตกต่อการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)หลังการออกมาให้ความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด
      
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,957.25 จุด ลดลง 35.68 จุด, -0.89%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,196.22 จุด ลดลง 127.11 จุด, -1.12%
      
การซื้อขายผันผวน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวเพิ่มขึ้น และเงินดอลลาร์แข็งค่าหลังการให้ความเห็นในช่วงสุดสัปดาห์ของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ที่ว่า เฟดยังขึ้นดอกเบี้ยอีกระยะหนึ่ง และไม่ใช่ว่าจะยุติในการประชุม หนึ่งหรือสองครั้งข้างหน้า
      
ด้านนางราเอล เบรนาร์ด รองประธานเฟด ส่งสัญญานเมื่อวันจันทร์ว่า เฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของวัน
      
ซึ่งอดัม ไครซาฟุลลี จาก Vital Knowledge กล่าวว่า ความเห็นของนายวอลเลอร์ไม่มีผลมากนักต่อตลาด และนักลงทุนคาดว่าเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นจะแสดงความเห็นแบบเดียวกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นักลงทุนจึงหันมาจับตาการรายงานดัชนีผู้ผลิต( PPI) เดือนตุลาคมในวันอังคารเพื่อดูว่าอัตราผลตอบพันธบัตรจะลดลงอีกหรือไม่

นอกจากนี้บริษัทจดทะเบียนยังคงรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสาม ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งวอลมาร์ท โฮมดีโป้ ทาร์เก็ต โลวส์ เมซี และโคหล์ ในธุรกิจค้าปลีกจะแจ้งผลประกอบการในสัปดาห์นี้

ข้อมูลจาก FactSet Research พบว่า 91% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสามแล้ว ซึ่ง 69% ดีกว่าที่คาด แต่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ย 77% ของรอบ 5 xu

ตลาดยังเกาะติดการายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ทั้งยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1%

นอกจากนี้นักวิเคราะห์เริ่มเผยแพร่คาดการณ์ตลาดในปี 2023 โดย ไมค์ วิลสันจากมอร์แกน สแตนเลย์ มองว่า ภาวะตลาดหมียังไม่จบ และดัชนี S&P 500 อาจจะทำนิวโลว์ในต้นปีหน้า ที่ระดับ3,000-3,300 ในไตรมาสแรก

หุ้นแอมะซอน ลดลงกว่า 2% หลังมีแผนจะปลดพนักงานราว 10,000 คน โดยจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น 1% จากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ทั้งเงินเฟ้อและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

นอกจากนี้ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซนเดือนกันยายนดีกว่าคาด และตัวเลขเดือนสิงหาคมที่มีการปรับเพิ่มขึ้น ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอย

อย่างไรก็ตามการซื้อขายยังระมัดระวังหลังนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความเห็นว่า เฟดจะไม่ผ่อนคลายในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 432.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด, +0.14%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,385.17 จุด เพิ่มขึ้น 67.13 จุด, +0.92%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,609.17 จุด เพิ่มขึ้น 14.55 จุด, +0.22%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,313.30 จุด เพิ่มขึ้น 88.44 จุด, +0.62% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันสามวันแล้ว และเพิ่มขึ้น 20% จากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.09 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 85.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 2.85 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 93.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล