ดาวโจนส์ปิดบวก 32 จุด เงินเฟ้อต่ำกว่าคาดยังหนุน จีนผ่อนคลายคุมโควิด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 32 จุด ยังได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด นักลงทุนเกาะติดผลการนับคะแนนเลือกตั้งกลางเทอม ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 2.49 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก หลังจีนผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดและเงินเฟ้อสหรัฐฯต่ำกว่าคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 11พฤศจิกายน 2565 ปิดที่ 33,747.86 จุด เพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.10% เป็นการเพิ่มภายในหนึ่งวันที่มากที่สุดในรอบ 2 ปีนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 หลังเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ในขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดผลการนับคะแนนเลือกตั้งกลางเทอม

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.93 จุด เพิ่มขึ้น 36.56 จุด หรือ +0.92%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 209.18 จุด หรือ +1.88%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 4.1% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 5.9% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 8.1% และเป็นการปิดรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังจากเงินเฟ้อเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้คาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

กลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัว แม้เงินคริปโทร่วงลงอีกครั้ง หลัง นายแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ ซีอีโอFTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีลาออกจากตำแหน่งและบริษัทจะเริ่มกระบวนการล้มละลายจากวิกฤติสภาพคล่อง โดยหุ้นแอมะซอนบวกกว่า 4% หุ้นอัลฟาเบทเพิ่มขึ้น 2.6%

หุ้น UnitedHealth ลดลง 4.1% หุ้น Merck ลดลง 4%

การผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดของจีนด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้เดินทางเข้า เหลือเพียง 2 วัน และยกเลิกการลงโทษสายการบินที่นำผู้โดยสารที่ติดเชื้อเข้าประเทศ ก็มีส่วนหนุนความเชื่อมั่นในตลาด และทำให้ราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้นเกือบ 3% มาเหนือ 88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเผยแพร่เมื่อคืนนี้ ได้แก่ ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษจิกายนของมหาวิทยาลัยมิชิแกนพบว่าลดลงสู่ระดับ 54.7 จาก 59.9 ในเดือนตุลาคม แม้มีสัญญานว่าเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัว และต่ำกว่า 59.5 ที่นักวิเคราะห์คาด

โซเนีย เมสกิน จากBNY Mellon Investment Management กล่าวว่า รายงานบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดแล้วแต่ยังคงเพิ่มขึ้นอีกระยะหนึ่ง และอาจะทำให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนธันวาคมซึ่งนักลงทุนต่างก็ขานรับไปแล้ว

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น 2% หลังจากจีนผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด และเงินเฟ้อเดือนตุลาคมของสหรัฐฯพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดยังเป็นแรงหนุน

นอกจากนี้ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดของบริษัทจดทะเบียนรายตัวก็มีส่วนทำให้ตลาดปรับตัวขึ้น

หุ้น LVMH หุ้น Kering หุ้น Pernod Ricard และหุ้น Hermes International สินค้าแบรนด์เนม ที่มีร้านค้าในจีนเพิ่มขึ้น 1.2% – 3.7%

อังกฤษใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจาก GDP ไตรมาสสามหดตัว 0.2% เป็นสัญญานว่าจะถดถอยนาน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 432.26 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด, +0.09%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,318.04 จุด ลดลง 57.30 จุด, +0.78%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,594.62 จุด เพิ่มขึ้น 37.79 จุด, +0.58%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,224.86 จุด เพิ่มขึ้น 78.77 จุด, +0.56%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม พุ่งขึ้น 2.49 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 95..99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล