ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 1,201 จุด เงินเฟ้อเพิ่มน้อยกว่าคาด

HoonSmart.com>> 3 ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดทะยาน ดาวโจนส์พุ่ง 1,201 จุด กว่า 3.7% ดัชนี S&P500 +5.54% Nasdaq +7.35% หลังรายงานเงินเฟ้อเพิ่มเดือนต.ค.สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด หวังเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุก นักลงทุนยังเกาะติดผลการนับคะแนนเลือกตั้งกลางเทอม ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ฟากตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก
      
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ปิดที่ 33,715.37 จุด เพิ่มขึ้น 1,201.43 จุด หรือ +3.70% เป็นการเพิ่มภายในหนึ่งวันที่มากที่สุดในรอบ 2 ปีนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 หลังเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ในขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดผลการนับคะแนนเลือกตั้งกลางเทอม

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,956.37 จุด เพิ่มขึ้น 207.80 จุด, +5.54%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,114.15 จุด เพิ่มขึ้น 760.97 จุด, +7.35%

เงินเฟ้อเดือนตุลาคมทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าได้ผ่านระดับสูงสุดไปแล้ว

ดัชนีราคาผู้บริโภค(Consumer Price Index -CPI) เพิ่มขึ้น 7.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือนต่ำกว่า 7.9% เมื่อเทียบรายปีและ 0.5% เมื่อเทียบรายเดือนที่นักวิเคราะห์คาด

เงินเฟ้อเดือนตุลาคมเมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้นน้อยสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมและชะลอตัวลงจาก 8.2% ในเดือนกันยายน

ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือนและเพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเช่นกัน

เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดทำให้ชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อาจจะผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวด

นายแพททริก ฮาร์เกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียให้ความเห็นของที่บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดอาจจะใกล้ที่จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย แม้เจ้าหน้าที่เฟดรายอื่นๆย้ำว่ายังจำเป็นที่ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แม้ในอัตราที่ชะลอตัว ก็มีส่วนหนุนตลาด

นางลอเรตตา เมสเตอร์ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า แม้เงินเฟ้ออ่อนตัวลง แต่นโยบายการเงินต้องเข้มงวดยิ่งขึ้นและยังคงเข้มงวดไปอีกระยะหนึ่งเพื่อดึงเงินเฟ้อให้ลงมาในกรอบเป้าหมาย 2%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอ่อนตัวลงหลังการรายงานเงินเฟ้อมาที่ 3.81% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีลดลงมาที่ 4.32%

ซีมา ชาห์ จากPrincipal Asset Management กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่เงินเฟ้อลดลงอย่างคาดไม่ถึงในรอบหลายเดือน ตลาดจึงขานรับ อย่างไรก็ตามเฟดก็ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ส่วนการระงับขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังมองไม่เห็น และเฟดยังขึ้นดอกเบี้ยได้อีก 1%

ทิม คอร์ตนีย์ จาก Exencial Wealth กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยยังมีผลต่อตลาด และตลาดขณะนี้เชื่ออย่างชัดเจนว่าการขึ้นดอกเบี้ยใกล้จะยุติลง ดังนั้นหุ้นที่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยจึงปรับตัวขึ้น

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นโดยหุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 12.2% หุ้นแอปเปิล หุ้นไมโครซอฟต์ต่างปรับขึ้นกว่า 8% หุ้นเมตาแพลตฟอร์มบวก 10%

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจอื่น การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 7,000 รายมีจำนวนทั้งสิ้น 225,000 ราย แต่ก็ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ด้านการเลือกตั้งกลางเทอมที่การนับคะแนนยังไม่สิ้นสุด ซึ่งดูเหมือนว่าพรรครีพับลิกันจะได้คุมสภาผู้แทนราษฎร และไม่ได้กวาดคะแนนมากเท่าที่คาดไว้ แต่โทมัส มาร์ติน จากGLOBALT Investments มองว่า นักลงทุนมุ่งไปที่ผลของการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดอย่างเดียว

ราคาบิตคอยน์กลับมาเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 17,000 ดอลลาร์

หุ้นกลุ่มรับสร้างบ้านและกลุ่มปรับตัวขึ้น โดยในกลุ่มกลุ่มรับสร้างบ้านหุ้นD.R. Horton บวก11.8% ส่วนในกลุ่มเรือสำราญ หุ้นโรยัลแคริบเบียนบวก 10% หุ้นนอร์วีเจียนครูซไลน์ โฮลดิ้งบวก 9.3%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นลดลง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น 7.6% หลังการรายงานเงินเฟ้อเดือนตุลาคมของหสรัฐฯพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้มีความคาดหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกในการประชุมครั้งต่อๆไป

กรรมการธนาคารกลางสหภาพยุโรปชี้ว่าECB ได้เพิ่มจำนวนพันธบัตรที่จะให้สินเชื่อได้เป็น 250 พันล้านยูโร เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องของตลาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 431.89 จุด เพิ่มขึ้น 11.55 จุด, +2.75%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,375.34 จุด เพิ่มขึ้น 79.09 จุด, +1.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,556.83 จุด เพิ่มขึ้น 126.26 จุด, +1.96%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,146.09 จุด เพิ่มขึ้น 479.77 จุดล +3.51%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 86.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 93.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล