ADD ส่งซิกอุตฯ คอนเทนต์ปี 66 ฟื้น รุกลงทุนต่อยอดบริการโซลูชั่นครบวงจร

HoonSmart.com>> “แอดเทค ฮับ” ประเมินอุตสาหกรรมคอนเทนต์ปี 66 กลับมาคึกคัก หลังเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมทวงความยิ่งใหญ่ผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก Organic และ Inorganic มุ่งรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียง 20% เป็นหลัก หลัง 9 เดือนกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวเข้าลงทุน HWTHAI บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำของไต้หวัน สัดส่วน 60% ต่อยอดบริการโซลูชั่นครบวงจร เคาะปันผล 0.04 บาท

นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ (ADD) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2566 จะมีการฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตามเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้นจากการกลับสู่สภาวะปรกติหลัง COVID และปัญหาเงินเฟ้อลดลง อีกทั้งผู้เล่นในตลาดมือถือน่าจะแข่งขันกันน้อยลง ก็น่าจะช่วยให้รายได้และกำไรของอุตสาหกรรมดีขึ้น

ทั้งนี้สำหรับในปี 2566 บริษัทฯวางเกมรุกผ่านการขับเคลื่อนภายใต้ 2 กลยุทธ์ คือ ทั้ง Organic และ Inorganic โดยกลยุทธ์ด้าน Organic คือ การเติบโตจากการดำเนินงานภายใต้ธุรกิจเดิม โดยการขยายโปรเจคคอนเทนต์และโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มฐานรายได้จากโปรเจคที่ทำกับค่ายมือถือต่าง ๆ ให้มั่นคงมากขึ้น จากที่มีการชะลอการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคที่ลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจ

ในขณะที่กลยุทธ์ด้าน Inorganic คือ การเติบโตจากภายนอก ซึ่งจะเป็นการมองหาการลงทุนในกลุ่มบริษัทใหม่ ๆ เพิ่มเติม เพื่อต่อยอดธุรกิจและเป็นการกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพิงรายได้จากค่ายมือถือแต่เพียงอย่างเดียว ที่สำคัญยังสามารถช่วยเพิ่มขีดความสามารถและศักยภาพในการรับงานโปรเจคใหม่ ๆ ของบริษัท นอกจากการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ ทั้งนี้หากแผนการวางกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ก็จะส่งผลให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานทางธุรกิจของ ADD ในปี 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ กล่าวถึงการเข้าไปลงทุนในบริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (7C) ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านบัญชี การวางระบบควบคุมภายใน การปรับโครงสร้างกิจการ การควบรวมกิจการ และที่ปรึกษาในการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า การลงทุนดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและมีนัยสำคัญให้กับ ADD ได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

“การเข้าลงทุนใน 7C ในช่วงที่ผ่านมา เป็นการต่อยอดและสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในเรื่องของผลการดำเนินงานของบริษัทฯให้เติบโตได้อย่างมั่นคงมากขึ้นในอนาคต”นายสมโภช กล่าว

ขณะเดียวกัน ยังสามารถต่อยอดความรู้ด้านเทคโนโลยีของบริษัทฯ ในการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล (Digital Transformation) เข้ามาช่วยในการวางรากฐานระบบการทำงานและการดำเนินธุรกิจ ให้แก่บริษัทที่กำลังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเสริมสร้างกันทางธุรกิจในระยะยาว

นอกจากนื้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยี (IT) เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพในการขยายงานโครงการ IT ใหม่ๆ และถือเป็นการสอดรับกับการต่อยอด ในการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน

ล่าสุดที่ประชุมบอร์ดได้มีมติเข้าลงทุนในบริษัท ไฮเว็บ เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด (HWTHAI) โดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนน 60,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนรวม 6 ล้านบาท จาก Hyweb Technology Co., Ltd (HT) ส่งผลให้ ADD มีสิทธิในการถือหุ้นใน HWTHAI สัดส่วน 60% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดและด้าน Hyweb Technology Co.,Ltd (HT) จะมีสัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 40%

สำหรับ Hyweb Technology Co.,Ltd (HT) เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ชั้นนำในไต้หวัน โดยก่อตั้งในปี 2541 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวันในปี 2546 โดย HT เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรให้แก่ ธนาคาร รัฐบาล ห้องสมุด และบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม โดย HT มีความเชี่ยวชาญในการวิจัย และพัฒนาระบบและซอฟต์แวร์หลากหลายประเภท ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจของ ADD ได้อย่างลงตัว

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 72.11 ล้านบาท ลดลง 41.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ใช้บริการมีการใช้จ่ายเพื่อใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์โดยเฉลี่ยลดลง ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์โดยเฉลี่ยแล้วมีจำนวนเพิ่มขึ้นก็ตาม โดยในไตรมาส 3/2565 จำนวนผู้ใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ เฉลี่ย 5.79 ล้านรายต่อเดือน เพิ่มจากไตรมาส 3/2564 ซึ่งมีจำนวนเฉลี่ย 5.09 ล้านรายต่อเดือน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 13.66%

ขณะที่กำไรขั้นต้นมีจำนวน 20.62 ล้านบาท ลดลง 45.24% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 28.60% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 30.30% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิที่ระดับ 9.29 ล้านบาท

สำหรับงวด 9 เดือนแรกปี 2565 รายได้จากการให้บริการมีจำนวน 262.20 ล้านบาท ลดลง 32.26% และกำไรสุทธิ 44.16 ล้านบาท แม้จำนวนผู้ใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์มีจำนวนเฉลี่ย 6.44 ล้านรายต่อเดือน เพิ่มขึ้น 49.67% จากช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 ขณะที่กำไรขั้นต้นมีจำนวน 77.04 ล้านบาท ลดลง 36.19% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 29.38% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 31.19% โดยสาเหตุหลักของการใช้จ่ายลดลงมาจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบกับภาวะเงินเฟ้อทำให้กำลังซื้อขงผู้บริโภคลดลง ประกอบกับความกังวลของผู้ใช้บริการท่ีมีต่อภาวะเงินเฟ้อในอนาคตจึงทำให้ผู้ใช้บริการมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯพยายามมุ่งรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้ใกล้เคียง 20% เช่นเดิม จากการรักษาฐานรายได้จากการให้บริการไปในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมมือถือที่ค่อนข้างทรงตัว

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 01 ก.ค. 2565 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 22 พ.ย. 2565 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล (XD) วันที่ 21 พ.ย. 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 7 ธ.ค. 2565