KJLขาย IPO ที่ 13.50 บาท เปิดจอง 9-11 พ.ย.

HoonSmart.com>>”กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL)กำหนดราคาขาย IPO ที่ราคา 13.50 บาท พาร์ 0.50 บาท  P/E  13.99 เท่า เปิดให้จองซื้อ 9-11 พ.ย.65  เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมายในเดือน พ.ย.นี้

บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) เตรียมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก(IPO)  30 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 13.50 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทหุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย.2565 โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดสินค้าอุตสาหกรรมภายในเดือน พ.ย.นี้

ทั้งนี้การกำหนดราคาขายหุ้น ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ ( P/E)  คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 13.99 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด  มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 111.96 ล้านบาท และคำนวณจากจำนวนหุ้น 116 ล้านหุ้น (Fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นประมาณ 0.97 บาทต่อหุ้น ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานหรือความสามารถในการทำกำไรในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน

สำหรับหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 22,199,800 หุ้น คิดเป็น 19.14% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนครั้งนี้จำนวนประมาณ 384.97 ล้านบาท จะนำไปใช้ลงทุนก่อสร้างโรงงาน และเครื่องจักร 80 ล้านบาท, ลงทุนระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) 25 ล้านบาท,ลงทุนศูนย์นวัตกรรม KJL (KJL Innovation Campus) 200 ล้านบาท, ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ 29.97 ล้านบาท และ ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น 50 ล้านบาท

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของ KJL กล่าวว่า การกำหนดราคา IPO ที่ระดับ 13.50 บาทต่อหุ้น นับเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง KJL นับเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากมีศักยภาพความพร้อมในการผลิตและการบริการที่ได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจมาเกือบ 30 ปี ทำให้ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและระดับโลกให้การยอมรับ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน

ด้าน นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL กล่าวว่า การเข้าระดมทุนในตลาด mai นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในอนาคตให้เติบโตแบบก้าวกระโดด สู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรม ภายใต้การบริหารงานโดยใช้หลัก FIST ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้ในการขยายกิจการรองรับการเติบโตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Digital Economy

การดำเนินธุรกิจของ KJL ที่ผ่านมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยปี 62-64 มีรายได้รวมอยู่ที่ 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท และ 845.78 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ร้อยละ 5.93 ต่อปี ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.49 ล้านบาท 90.97 ล้านบาท และ 94.04 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่ 6 เดือนแรกของปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 502.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 65.79 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากที่มีรายได้จากการขาย 424.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47.87 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

“การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินพร้อมสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้-กำไร และมีศักยภาพในการเติบโตสูงขึ้น สอดรับกับแนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ที่เติบโตต่อเนื่อง และความต้องการพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด รองรับ Digital Economy พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในฐานะผู้นำนวัตกรรม ตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้าเพื่ออนาคต” นายเกษมสันต์ กล่าว