หุ้นไทยเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงถึงปี’66 เงินนอกจ่อไหลเข้าอีก 7-8 หมื่นล.

Hoonsmart.com>>โบรกเกอร์มองเฟดขึ้นดอกเบี้ยได้อีกไม่มาก-ค่าเงินดอลลาร์ใกล้อ่อนตัว-เศรษฐกิจโลกส่อถดถอย คาดเงินนอกรอไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอีก 7- 8 หมื่นล้านบาท จากที่เข้ามาแล้วปีนี้ 1.6 แสนล้านบาท ฟันธงหุ้นไทยสดใสถึงครึ่งปีแรก 66 หลังเลือกตั้งพ.ค.66 หนุนหุ้นเด้งอีก เป้า SET 1700-1750 ชี้ช่วงนี้เป็นโอกาสซื้อสะสม ก่อนเข้าสู่ภาวะกระทิง แนะหุ้นเด่น BBL, CPALL, AOT, GPSC, SHR, SNNP ระวังกลุ่มส่งออกรับผลกระทบเศรษฐกิจโลกทรุด

การบรรยายภายใต้หัวข้อ “เจาะ Theme เด่น Trend เติบโต” ในงาน SET in The City 2022 นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์มีมุมมองไปในทิศทางใกล้เคียงกัน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังสดใสไปจนถึงกลางปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยจนอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจจะกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์ คือ กลุ่มการเงิน ประกัน บริโภคในประเทศ ท่องเที่ยว โรงแรม

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล. หยวนต้า ระบุว่า ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อตลาดหุ้นได้ขึ้นถึงหรือใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าจากการที่ FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% มาถึง 4.00% ในปัจจุบันโดยปีหน้า FED มองเป้าว่าจะขึ้นดอกเบี้ยให้ถึง 5.25% ซึ่งจะขึ้นอีกได้ไม่มากแล้ว ดังนั้นแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลง และเป็นโอกาสของสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆที่จะฟื้นตัวขึ้น อาทิ ตลาดเกิดใหม่ ทองคำ ตราสารหนี้

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี ก็จะขึ้นถึงจุดสูงสุดในอีกไม่นาน ทำให้ FED จะปรับเปลี่ยนท่าทีในการขึ้นดอกเบี้ย จากที่ขึ้นครั้งละ 0.75% เราอาจจะเห็น FED ขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.50%ในเดือนธันวาคมนี้ สิ้นปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายของ FED จะอยู่ที่ 4.50% ทำให้ในปีหน้าก็จะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกไม่มาก ขึ้นอยู่กับผลในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด

นายภาดลกล่าวว่า ในปีนี้เงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยสูงมากถึง 1.6 แสนล้านบาท แต่ก็ยังไม่เท่ากับที่นักลงทุนต่างชาติเคยขายหุ้นไทยออกไป 3 แสนล้านบาทในช่วงโควิด เชื่อว่าจากปัจจัยต่างๆเอื้อให้ตลาดหุ้นไทยมีสเน่ห์มากขึ้นเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ เงินลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทยอีกไม่ต่ำกว่า 7- 8 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้า ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสเหมาะสมเข้าลงทุน

หุ้นในกลุ่มที่มีแนวโน้มเป็นบวก ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ ส่วนหุ้นกลุ่มที่ยังไม่สดใสในช่วงนี้ ได้แก่ สื่อสาร ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้าง

บล.หยวนต้า มองว่าในครึ่งปีแรกของปีหน้าภาวะตลาดหุ้นไทยจะคึกคัก โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นโอกาสของตลาดหุ้นต่างประเทศที่จะเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมา โดยมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 1720  มีค่า P/E เฉลี่ย16 เท่า แนะนำลงทุนหุ้นเด่นกลุ่มการเงิน BBL ราคาเหมาะสม 165 บาท กลุ่มค้าปลีก CPALL ราคาเป้าหมาย 75 บาท และกลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC ราคาเหมาะสม 72 บาท และแนะนำหุ้นที่จะต่ำสุดหลังกลางปีหน้า PTTGC ราคาเหมาะสม 50 บาท

โบรกเกอร์          เป้าดัชนีปี 66          หุ้นแนะนำ

YUANTA              1720          BBL CPALL GPSC PTTGC

INVX                   1750         BBL CPALL CBG AOT BLA HANA

KS                      1700          SHR SNNP BGRIM EGCO

นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา ผู้อานวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่าในปีหน้าตลาดหุ้นไทยจะสดใสในครึ่งปีแรก จากปัจจัยบวกต่างๆ เช่น GDP ของไทยปีหน้าเติบโตสูงกว่าปีนี้ จากหลายๆสำนักประเมินว่าจะโตจาก 3% เป็น 4% เงินเฟ้อของไทยเป็นขาลงจะลดลงจาก 6% เหลือ 2% ในปีหน้า กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็คาดการณ์ว่าในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าปีนี้ ค่า P/E เฉลี่ยของตลาดหุ้นปัจจุบันอยู่ประมาณ 14-15 เท่า

สำหรับจุดต่ำสุดของตลาดหุ้นทั่วโลก ต้องจับตาดูการประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของ FED และการเริ่มเปลี่ยนนโยบายมาปรับลดดอกเบี้ย จะเป็นจุดที่ตลาดหุ้นวกกลับมาฟื้นตัวได้ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่การใช้นโยบายการเงินสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ในระดับที่เหมาะสม และไม่กระทบการเติบโตของเศรษฐกิจมากเกินไป

“การออกจากภาวะตลาดหมีจะต้องประกอบไปด้วย 2 เงื่อนไข คือ เศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และ FED เปลี่ยนนโยบายการเงินจากที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน”

นายสิทธิชัยกล่าวว่าในตลาหุ้นไทยนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนแล้วบางส่วน ในไตรมาส 4/65 มีให้เห็นการเก็งกำไรในหุ้น Growth บ้างแล้ว ขณะที่กองทุนต่างๆลดพอร์ตการลงทุนลงไปมาก เมื่อปัจจัยต่างๆเอื้อให้ตลาดหุ้นไทยน่าสนใจเชื่อว่าเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น มองว่าหุ้นในกลุ่มที่มีแนวโน้มดี อาทิ ค้าปลีก การเงิน อาหารและเครื่องดื่ม การท่องเที่ยว ประกันชีวิต อิเลกทรอนิกส์ แนะนำหุ้นเด่น CPALL, BBL, CBG, AOT, BLA และ HANA

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อานวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กสิกรไทย กล่าวว่าปีหน้าตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีแรกจะอยู่ในภาวะกระทิง จากเงินลงทุนที่ไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้น สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติได้ฟื้นตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุด 27.1% ในปีที่แล้ว เป็น 29.4% ในปีนี้ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย

การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้าจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย ในช่วงที่รัฐบาลครบวาระ 23 มี.ค.66 ตลาดหุ้นอาจเคลื่อนไหวแคบๆหรือมีการปรับฐาน แต่เมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น 27 พ.ค.66 ช่วงก่อนมีรัฐบาลตลาดหุ้นอาจจะยังไม่ดี แต่หลังจากเลือกตั้งผ่านไป 1 เดือน ตลาดหุ้นจะดีขึ้นจากสถิติการเลือกตั้งหลายๆครั้งที่ผ่านมา

บล.กสิกรไทยแนะนำหุ้นเด่นเป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ SHR ราคาเป้าหมาย 4.66 บาท หุ้นกลุ่มเติบโตสูง แนะนำ SNNP ราคาเป้าหมาย 29.30 บาท หุ้น Defensive แนะนำกลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM ราคาเหมาะสม 61.50 บาท และ EGCO ราคาเหมาะสม 255 บาท

 

#แนวโน้มตลาดหุ้น #หุ้นไทยปี66