ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 401 จุด จ้างงานสูงเกินคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ดัชนีดาวโจนส์บวก 401 จุด S&P500 +1.36% Nasdaq +1.28% ขานรับข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงเกินคาด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน นักลงทุนยังประเมินไม่ออกเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 4.44 ดอลลาร์ หรือ 5% หนุน WTI ปิดที่ 92.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 ปิดที่ 32,403.22 จุด เพิ่มขึ้น 401.97 จุด หรือ 1.26% หลังจากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด แต่การซื้อขายผันผวนเรพาะนักลงทุนยังประเมินไม่ออกว่าจะมีผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อย่างไร

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,770.55 จุด เพิ่มขึ้น 50.66 จุด, +1.36%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,475.26 จุด เพิ่มขึ้น 132.31 จุด, +1.28%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 1.39% หลังบวกติดต่อกันนาน 4 สัปดาห์ ดัชนี S&P500 ลดลง 3.34% และดัชนี Nasdaq ลดลง 5.65%

กระทรวงแรงงานรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งสูงกว่า 200,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ก็ลดลงจาก 315,000 ตำแหน่งในเดือนกันายน ส่วนอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7% จาก 3.5%

ไมค์ โลเวนการ์ต จาก Morgan Stanley กล่าวว่า การจ้างงานที่ดีกว่าคาดสะท้อนว่าเป็นงานยากสำหรับเฟดในระยะต่อไปในการดูแลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ตัวเลขอาจจะทำให้นักลงทุนที่คาดหวังว่าเฟดจะผ่อนคลายนโยบายผืดหวัง แต่ตัวเลขนี้เป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ดังนั้นอาจจะเป็นสัญญานว่าตลาดเริ่มชะลอตัว

ข้อมูลการจ้างงานล่าสุดทำให้นักลงทุนมีความเห็นออกเป็น 2 ทาง ทางแรกกังวลมากขึ้นว่าเฟดจะยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย แต่อีกทางหนึ่งตีความข้อมูลว่าเป็นสัญญานว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัว เพราะอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นมาที่ 3.7%

นักลงทุนยังจับตาการรายงานเงินเฟ้อในสัปดาห์หน้า รวมทั้งการเลือกตั้งกลางเทอมเช่นกัน

ซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า เร็วไปที่จะส่งสัญญานว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นไปสูงแค่ไหน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% หรือน้อยกว่า สำหรับการประชุมในเดือนธันวาคม

อย่างไรก็ตามตลาดได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าจีนจะเปิดประเทศและยกเลิกการคุมโควิด กระแสข่าวนี้ส่งผลให้หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯปรับตัวขึ้น โดยหุ้นPinduoduo หุ้น JD.com และหุ้น Alibaba บวก 8.9%, 10% และ 6.7% ตามลำดับ

การรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาด มีผลต่อหุ้นรายตัวโดยหุ้นสตาร์บัคส์ เพิ่มขึ้น 8.4%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น 5.7% หลังจากที่ลดลงจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศในสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากกระแสข่าวจีนจะเปิดประเทศ ทำให้คาดหวังว่าจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโลก

นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรปกล่าวว่า ECB พร้อมที่จะดำเนินนโยบายในเชิงรุก หากเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้วยังสูงกว่าที่คาด

เอสแอนด์พีโกลบอล รายงานดัชนี PMI รวมขั้นสุดท้ายยูโรโซนเดือนตุลาคมลดลงมาที่ 47.3 ต่ำสุดในรอบ 23 เดือน จาก 48.1 ในเดือนก่อนหน้า

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 416.98 จุด เพิ่มขึ้น 7.43 จุด, +1.81%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,334.84 จุด เพิ่มขึ้น 146.21 จุด, +2.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,416.44 จุด เพิ่มขึ้น 173.16 จุด, +2.77%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,459.85 จุด เพิ่มขึ้น 329.66 จุด, +2.51%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 4.44 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดที่ 92.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 3.9 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 98.5ดอลลาร์ต่อบาร์เรล