บล.กสิกรฯให้แนวรับ 1600 สัปดาห์หน้า จับตาเงินเฟ้อต.ค.-กำไรบจ.

HoonSmart.com>> “บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย” ให้กรอบหุ้นเคลื่อนไหวบริเวณ 1,600-1,650 จุด ติดตาม 3 ปัจจัยชี้นำ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม  ด้านค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 37.00-38.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ พลิกกลับมาแข็งค่าบริเวณ 37.50  บาท  จากนักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้น-บอนด์ไทย 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของบจ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค และข้อมูลการส่งออก

ในวันศุกร์ (4 พ.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,626.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.26% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 61,350.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.25%   ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.41% ปิดที่ระดับ 645.20 จุด

ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่าจีนกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ ประกอบกับมีแรงซื้อต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยระหว่างสัปดาห์มีการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามตลาดคาด แต่ได้ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยนานกว่าคาด ส่วนช่วงปลายสัปดาห์แกว่งตัวกรอบแคบระหว่างรอติดตามข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่มีแรงซื้อเข้ามามากสุดในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน แบงก์และไฟแนนซ์

ด้านค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 37.00-38.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 37.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 14,191 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตร 14,429 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 15,696 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 1,267 ล้านบาท)

เงินบาทปรับตัวผันผวน โดยอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ซึ่งเผชิญแรงขายตามค่าเงินหยวนหลังจากข้อมูล PMI เดือนต.ค. ของจีนออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในช่วงก่อนการประชุม FOMC ซึ่งตลาดมีความหวังว่า เฟดอาจเริ่มส่งสัญญาณชะลอแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี เงินบาทล้างช่วงบวกลงเกือบทั้งหมดและกลับมาอ่อนค่าหลังการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 3.75-4.00% ตามคาด แต่ท่าทีของประธานเฟดที่ยังคงกังวลเงินเฟ้อก็สะท้อนว่า เฟดจะยังไม่ยุติวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้

เงินบาทแข็งค่ากลับมาได้อีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขตลาดแรงงานเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ