ดาวโจนส์ปิดลบ 146 จุด รอข้อมูลจ้างงาน งงทิศดอกเบี้ยเฟด

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐ 3 แห่งลงต่อ ดาวโจนส์ติดลบ 0.46% S&P500 -Nasdaq  ร่วงมากกว่า 1% บอนด์ยีลด์ยังคงเพิ่มขึ้น  ตลาดประเมินไม่ถูกดอกเบี้ยจะไปทิศทางไหน หลังนายเจอโรม พาวเวลล์ ยังคงนโยบายการเงินที่เข้มงวด ส่งสัญญาณว่าดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่า 4.6% ที่เคยคาดไว้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.ในวันศุกร์นี้  หุ้นยุโรปปรับตัวลง ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ย 0.75%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ปิดที่ 32,001.25 จุด ลดลง 146.51 จุด หรือ 0.46% เป็นการปรับตัวลงติดต่อกันวันที่ 4 ด้วยแรงกดดันที่ยังมีอยู่จากการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) และได้ส่งสัญญานขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,719.89 จุด ลดลง 39.80 จุด, -1.06%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,342.94 จุด ลดลง 181.86 จุด, -1.73%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นไปที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2007 ที่ 4.739% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับขึ้นไปที่ 4.15%

เอ็ด โมยา จาก Oanda กล่าวว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเมื่อวันพุธยังมีผลกดดันตลาด

ไมเคิล กาเพน จาก Bank of America กล่าวว่า แถลงการณ์ของคณะกรรมการ FOMC ดูเหมือนว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินลง แต่การแถลงข่าวของนายเจอโรม พาวเวลล์ ยังคงเป็นนโยบายการเงินที่เข้มงวด จากการส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่า 4.6% ที่เคยคาดไว้ และยังเร็วไปที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
การประชุมของเฟดในสัปดาห์นี้ทำให้ตลาดประเมินไม่ถูกว่าดอกเบี้ยจะไปทิศทางไหนในการประชุมเดือนธันวาคม ทางหนึ่งมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 5 ในขนาด 0.75% มีความเป็นไปได้ ขณะที่ทางหนึ่งมองว่าอัตราดอกเบี้ยในที่สุดจะแตะ 5.07% ในเดือนพฤษภาคม 2023 หลังจากนั้นจะลดดอกเบี้ยลงในปลายปีจนเหลือ 4.11% ในต้นปี 2025

กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 217,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 220,000 ราย

กระทรวงพาณิชย์รายงานคำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 0.3% จากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนสิงหาคม และเมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้น 13.0% ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนพื้นฐาน ที่ไม่รวมหมวดอาวุธและเครื่องบิน ลดลง 0.4%

สถาบันจัดการด้านอุปทาน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนตุลาคมลดลงสู่ระดับ 54.4 ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 จาก 56.7 ในเดือนกันยายน และต่ำกว่า 55.5% ที่นักวิเคราะห์คาด

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมในวันศุกร์นี้

ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นไปตามคาดก็จะสะท้อนภาพการจ้างงานที่แข็งแกร่งและอยู่ในระดับเดียวกับก่อนโควิดที่ 150,000-200,000 ตำแหน่งต่อเดือน

นอกจากนี้ตลาดยังเกาะติดการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสาม โดยหุ้นควอลคอมม์ อิงค์ ผู้ผลิตชิปโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก ลดลง 7.66% หลังแจ้งผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดและปรับลดคาดการณ์ผลกำไรลง ส่วนหุ้นโรคู (Roku) บริษัทสตรีมมิงสื่อบันเทิงลดลง 4.57% หลังแจ้งผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดเช่นกันและเตือนถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจและยอดขายโฆษณาที่ลดลง

หุ้นแอมะซอนลดลง 2% หลังประกาศระงับการจ้างงานในธุรกิจค้าปลีก
หุ้น Stripe ประกาศลดพนักงานลง 14% หรือราว 1,100 คน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่สดใส
หุ้น Lyft ธุรกิจ ridesharing ลดลง 2.25% หลังประกาศลดพนักงานลง 13% เพราะเศรษฐกิจอาจจะถดถอย

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 2.5% หลังนักลงทุนรับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มีขึ้นหลังตลาดปิดในวันพุธ พร้อมการส่งสัญญาณไม่ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษปรับขึ้นดอกเบี้ยตามเมื่อวานนี้

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางอังกฤษมีมติ 7 ต่อ 2 ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นการปรับขึ้นมากที่สุดในรอบ 33 ปีนับตั้งแต่ปี 1989 เพื่อดึงเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงลง และเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 8 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยแตะ 3%

ธนาคารกลางอังกฤษยังได้เตือนถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนาน แต่อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด

มาริโอ เซนทีโน กรรมการ ธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์โปรตุเกสว่า การขึ้นดอกเบี้ยขนาดใหญ่ของยูโรโซนได้ผ่านไปแล้ว ทั้งนี้ ECB ได้ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 2% จากการประชุม 3 ครั้งที่ผ่านมา

ด้านนักวิเคาะห์มองว่าเงินปอนด์อังกฤษผ่านวิกฤติแล้ว หลังมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ยังคงอ่อนค่าได้อีกและผันผวนในอีก 12 เดือนข้างหน้า

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 409.55 จุด ลดลง 3.84 จุด, -0.93%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,188.63 จุด เพิ่มขึ้น 44.49 จุด, +0.62%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,243.28 จุด ลดลง 33.60 จุด, -0.54%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,130.19 จุด ลดลง 126.55 จุด, -0.95%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.83 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 88.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 94.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล