UOB พร้อมบุกธุรกิจรายย่อยไทย-มาเลย์ รวม 4 ปท.ธุรกิจโต 2 เท่า เป้าลูกค้า10 ล้าน

HoonSmart.com>>”ธนาคารยูโอบี” ซื้อกิจการลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปไทย-มาเลเซียเสร็จสมบูรณ์วันนี้(1 พ.ย.65) ส่วนที่อินโดนีเซีย-เวียดนามคาดจบปี 66 มุ่งขยายตลาดในอาเซียน รวม 4 ประเทศคาดธุรกิจพุ่งเป็น 2 เท่า ลูกค้าจำนวน 5.3 ล้านคน ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 10 ล้านคนในอีก 3-5 ปี ธุรกิจในไทยผงาดเป็นอันดับ 6 ของกิจการรายย่อย ใหญ่อันดับ 3 ของธุรกิจบัตรเครดิต กลยุทธ์จับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 1.5-3 หมื่นบาท ใช้บริการสูง แถมหนี้เสียต่ำ

มร.วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี แถลงว่า ธนาคารยูโอบีได้เข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซียและไทยเสร็จสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วในวันนี้ (1พ.ย.2565) ส่วนในอินโดนีเซียและเวียดนามคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 หวังว่าการโอนย้ายลูกค้าทั้งระบบจะแล้วเสร็จในอีก 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า คาดว่าขนาดธุรกิจทั้ง 4 ประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ให้บริการลูกค้าจำนวน 5.3 ล้านคน และเสริมทีมงานให้แกร่งขึ้นด้วยพนักงานอีก 5,000 คน

ทั้งนี้กิจการธนาคารลูกค้ารายย่อย ประกอบด้วย กลุ่มลูกค้าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (wealth management ) และธุรกิจเงินฝากรายย่อย

“การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายธุรกิจธนาคารลูกค้ารายย่อยในภูมิภาคอาเซียน นอกจากธุรกิจหลักในสิงคโปร์ โดยมุ่งมั่นลงทุนในเครือข่ายสาขาในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง และยังสนับสนุนความมุ่งมั่นในการก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่ลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนนึกถึงในการใช้บริการเป็นอันดับแรก จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น”

มร. ตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการในประเทศไทยที่เสร็จสมบูรณ์แล้วนั้น ช่วยผลักดันเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นธนาคารในประเทศไทยที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการมากขึ้น จากเดิมธุรกิจของซิตี้กรุ๊ป ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมกลุ่มลูกค้าของยูโอบีที่เน้นกลุ่มลูกค้าด้านสินเชื่อที่มีหลักประกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินชั้นเยี่ยม รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรและสาขาตลอดจนช่องทางการให้บริการที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

ธนาคารวางกลยุทธ์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งที่เติบโตขึ้นในภูมิภาคอาเซียน การหาลูกค้ารายใหม่และให้บริการลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน UOB TMRW แพลตฟอร์มธนาคารดิจิทัล และการตอบโจทย์ทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าผ่านช่องทางแบบ Omni-channel

นอกจากนี้ ยูโอบีมีแผนในการดำเนินการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินใหม่ๆ เพื่อรองรับฐานลูกค้าที่ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูโอบีได้ประกาศเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำระดับภูมิภาคหลายแห่ง รวมถึงสิงคโปร์แอร์ไลน์, มิชลิน ไกด์, Club21 และ Shopee ซึ่งถือเป็นการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าในการแลกรับของรางวัล โดยลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ด้าน นาง วีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล Head of Retail and Brand ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้บริหารและพนักงานของซิตี้กรุ๊ปย้ายมาร่วมงานที่ยูโอบีเกือบทั้งหมด 100% ส่วนที่ไม่ตามมาเพียง 5-6% เนื่องจากมีเหตุผลของแต่ละคน โดยพนักงานธุรกิจรายย่อยของยูโอบีมีประมาณ 1,000 คน มีศักยภาพในการขายบริการครบวงจร ระบบดิจิทัลและเครือข่ายช่วย เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าหาผลตอบแทนทั่วอาเซียน โดยรวม 4 ประเทศคาดธุรกิจพุ่งเป็น 2 เท่า ลูกค้าจำนวน 5.3 ล้านคน ตั้งเป้าในอีก 3-5 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 10 ล้านคน หลังรวม ธุรกิจในไทยผงาดเป็นอันดับ 6 ของกิจการรายย่อย และใหญ่อันดับ 3 ของธุรกิจบัตรเครดิต

“เรามุ่งให้บริการทุกผลิตภัณฑ์ ผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาว โตยั่งยืน เจาะกลุ่มลูกค้าบริหารความมั่งคั่งในอาเซียน รุกคนรุ่นใหม่ มูลค่า 2-10 ล้านบาท โดยยูโอบีมี 150 สาขา เตรียมเสนอสินเชื่อบ้านและรถยนต์ปลายปีนี้ ส่วนการรวมกันแล้ว ทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ลดลง เนื่องจากซิตี้กรุ๊ปมีการตัดหนี้เสีย หรือ write off 120 วัน ส่วนของยูโอบีตัด 180 วัน จึงเห็นความคุ้มค่าของการลงทุนรวมกิจการ ธุรกิจในประเทศไทยใหญ่เป็นรองเพียงที่สิงคโปร์ ทำให้มีความสำคัญและมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ”

นายยุทธชัย เตยะราชกุล Head of Personal Financial Services ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า การจับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ 15,000-30,000 บาท จะทำให้ธุรกิจเติบโต และมีหนี้เสียต่ำ ในอนาคตเมื่อลูกค้ามีรายได้เพิ่มขึ้นและมั่นคง ก็สามารถปรับมาใช้บริหารความมั่นคั่งได้

ส่วนการโอนย้ายพอร์ตและลูกค้ามาจากซิตี้กรุ๊ป ไม่ทำให้ลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชำระเงิน เงื่อนไขต่างๆ และคะแนนที่สะสม โดยยูโอบียังใช้ระบบของซิตี้กรุ๊ปอีก 1 ปี