HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 194 จุด แรงหนุน GDP ไตรมาส 3/65 ขยายตัว 2.6% ดีกว่าคาด สัญญาณเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัว นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเกี่ยวข้องเศรษฐกิจ เทขายหุ้นกลุ่มเทค Meta ร่วงแรง ฉุดดัชนี Nasdaq ลดลง 1.63% ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ ฟากตลาดหุ้นยุโรปปิดทั้งบวกและลบ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 26 ตุลาคม 2565 ปิดที่ 32,033.28 จุด เพิ่มขึ้น 194.17 จุด หรือ 0.61% จากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวดีกว่าคาด รวมทั้งสัญญาณว่าเงินเฟ้อเริ่มอ่อนตัว ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสภาวะเศรษฐกิจ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,807.30 จุด ลดลง 23.30 จุด, -0.61%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,792.67 จุด ลดลง 178.32 จุด, -1.63%
หุ้นแคทเธอพิลลาร์ หุ้นแมคโดนัลด์ และหุ้นฮันนีเวลล์ นำการปรับขึ้นในดัชนีดาวโจนส์ หลังรายงานผลการดำเนินงานที่สูงกว่าคาด และมีช่วงหนึ่งที่ดัชนีขึ้นไปถึง 549 จุด
GDP สหรัฐไตรมาสสสาม ขยายตัว 2.6% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่า 2.3% ที่นักวิเคราะห์คาด
ดัชนีราคา (chain-weighted price index) ซึ่งเป็นการวัดค่าครองชีพที่ปรับเพื่อสะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มขึ้น 4.1% ในไตรมาสนี้ ต่ำกว่า 5.3% ที่คาด อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 4.2% ลดลงอย่างรวดเร็วจาก 7.3% ตามมาตรวัดที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ใช้
คลิฟฟ ฮอดจ์ จาก Cornerstone Wealth กล่าวว่า ข้อมูล GDP ล่าสุด สร้างความหวังให้นักลงทุนที่มองหาข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อกำลังลดลง ซึ่งอาจส่งผลให้เฟดผ่อนคลายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุมเดือนพฤศจิกายน และเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อที่เลวร้ายที่สุดผ่านไปแล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอ่อนตัวลงหลังการเปิดเผยข้อมูล
นักเศรษฐศษสตร์ของ แบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน รวมทั้งจะหารือเกี่ยวกับการลดขนาดการขึ้นดอกเบี้ย และนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดจะส่งสัญญานชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
กลุ่มเทคโนโลยียังคงถูกขาย ทำให้ตลาดปรับขึ้นไม่ได้มาก หุ้น Meta ร่วงลง 24.6% จากการคาดการณ์ผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 4 และหลังจากผิดหวังผลประกอบการไตรมาส 3 บริษัทยังกล่าวด้วยว่าจะเสียเงินมากขึ้นในปีหน้าจากการสร้าง metaverse ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนปรับลดคำแนะนำการลงทุนลง
หุ้นไมโครซอฟต์ ลดลง 1.98% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.% หุ้นแอมะซอน ลดลง 4.06% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.05%
หุ้นเครดิต สวิส ลดลง 19.5% จากรายงานผลขาดทุนที่มากกว่าคาดในไตรมาสสาม
กระทรวงแรงงานรายงานจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 217,000 ราย ซึ่งต่ำกว่า 223,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน( เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป) เดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 0.4% แต่ต่ำกว่า 0.6% ที่นักวิเคราะห์คาด
ตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้น 3.5% นักลงทุนวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน และจากการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหภาพยุโรป(ECB)ที่ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด
หุ้นบลูชิปฟื้นตัวจากที่ร่วงไป หลังจาก ECB ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่สามติดต่อกัน ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 1.5% ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ปี 2009 ก่อนวิกฤติหนี้ใน
ECB ยังประกาศด้วยว่ากำลังเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและเงื่อนไขของโครงการ TLTROs สำหรับธนาคารยุโรป
บริษัทขนาดใหญ่รายงานผลการดำเนินงาน ทั้งเครดิต สวิส เชลล์ ยูนิลีเวอร์ และโทเทลเอ็นเนอร์จี้ส์ หุ้นเครดิต สวิสลดลงกว่า 18% จากผลขาดทุนในไตรมาสสามที่มากกว่าคาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 410.19 จุด ลดลง 0.12 จุด, -0.03%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,073.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.62 จุด, +0.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,244.03 จุด ลดลง 32.28 จุด, -0.51%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,211.23 จุด เพิ่มขึ้น 15.42 จุด, +0.12%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 89.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 96.96ดอลลาร์ต่อบาร์เรล