SCC กำไรแค่ 2,444 ลบ.ดิ่ง 64% หั่นงบลงทุนปีนี้เหลือ 5.5 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>เกิดปรากฎการณ์ sale on fact ทิ้ง”เดลต้า อีเลคโทรนิคส์-DELTA” ดิ่งแรง 9.31% ฉุดดัชนีหุ้น 6 จุด หลังจบข่าวดี กำไรไตรมาส 3/65 ทะยานขึ้น 245% ล่าสุด”ปูนซิเมนต์ไทย-SCC” เปิดกำไรสุทธิเพียง 2,444 ล้านบาท ทรุดลง 64% จากปีก่อน-ร่วง 75% จากไตรมาส 2 ตามคาด ปัจจัยหลักจากราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ขาลง ปีนี้หุ้นดำดิ่ง มาร์เก็ตแคปหายไปกว่า 7 หมื่นล้านบาท เทรดที่ P/BV เพียง 1 เท่า นักลงทุนอาจจะซื้อกลับ

บจ.ทยอยรายงานกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3/2565 ส่วนใหญ่ออกมาเติบโตดี แต่เกิดปรากฎการณ์ sale on fact หรือขายเมื่อจบข่าวดี นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ตามด้วย บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ราคาดิ่งลงแรงแตะ 594 บาท ก่อนปิดที่ 604 บาท ทรุด 62 บาทหรือ -9.31% ต่างจากวันก่อนหน้าไล่ราคาพุ่งแรงถึง+6.39% ดักทางกำไรทะยาน 245% แตะ 4,110 ล้านบาท ทั้งนี้ราคาหุ้น DELTA ที่ทรุดลงแรง มีผลกระทบต่อดัชนีหุ้น -6 จุด วันที่ 26 ต.ค.2565

ล่าสุด บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ประกาศกำไรสุทธิออกมาแย่อย่างที่ตลาดคาดการณ์ เหลือเพียง 2,444 ล้านบาทหรือ 2.04 บาท ลดลง 4,373 ล้านบาทหรือร่วง 64% เทียบกับที่มีกำไรสุทธิ 6,817 ล้านบาทหรือ 5.68 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 75% จากไตรมาส 2 รวม 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิ 21,225 ล้านบาท คิดเป็น 17.69 บาทต่อหุ้น ลดลง 17,642 ล้านบาทหรือ 45% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 38,867 ล้านบาท เท่ากับ 32.39 บาทต่อหุ้น

กำไรที่ลดลง 64% เทียบกับไตรมาสที่ 3/2564 มาจากรายได้จากการขายอยู่ที่ 142,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% สาเหตุหลักจากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและธุรกิจแพจเกจจิ้งมีราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้นตามราคาตลาด   แต่ EBITDA ลดลง 37% และกำไรลดลง จากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงรวมทั้งส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง

หากเทียบกับไตรมาส 2 รายได้จากการขายลดลง 7% สาเหตุหลักจากราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลงตามความต้องการของตลาดที่ลดลง จากวัฎจักรขาลงของธุรกิจเคมิคอลส์ โดยมี EBITDA เท่ากับ 9,322 ล้านบาท ลดลง 62% จากไตรมาสก่อน และมีกำไรลดลง 75% เนื่องจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับลดลง ต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับในไตรมาสก่อนเป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับ

ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯมีรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน 39,027 ล้านบาท แบ่งเป็นของธุรกิจเคมิคอลส์ 47% ธุรกิจแพคเกจจิ้ง 29% ธุรกิจซีเมนต์
และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 19% และส่วนงานอื่น 5%

รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนส่วนใหญ่ใช้สำหรับโครงการปิโตรเคมีครบวงจรของ LSP ทั้งนี้คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุนที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 55,000 ล้านบาท ลดลงจากประมาณการก่อนหน้าเนื่องจากมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน

ในช่วง 9 เดือนของปี 2565 EBITDA เท่ากับ 51,790 ล้านบาท ในขณะที่มีกระแสเงินสดจ่ายทั้งสิ้น 75,127 ล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน 39,027 ล้านบาทจ่ายเงินปันผล 21,834 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ย 6,887 ล้านบาท และจ่ายภาษีเงินได้ 7,379 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น SCC  ลดลง 1 บาทปิดที่ 326 บาท เทรดที่ระดับP/BV เพียง 1.02 เท่าเทียบกับในอดีตนักลงทุนให้ค่ามากกว่า 2 เท่า  และล่าสุด P/E เพียง 11.57 เท่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)อยู่ที่ประมาณ 392,000 ล้านบาท ทรุดลงกว่า 7 หมื่นล้านบาท เทียบกับสิ้นปี 2564 อยู่ที่ระดับ 463,200 ล้านบาท และหายไปมากกว่า 2 แสนล้านบาท ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

สำหรับตลาดหุ้นวันที่ 26 ต.ค. ดัชนียืน 1,600 จุดไม่ไหว เจอแรงขาย DELTA ลากดัชนีลงแรงถึง 6 จุด ดัชนีปิดที่ระดับ 1,596.46 จุด ลดลง 4.20 จุด หรือ -0.26% มูลค่าซื้อขาย 60,584.52 ล้านบาท  โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 847.72 ล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,061.48 ล้านบาท นักลงทุนไทยขายสุทธิ 381.62 ล้านบาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้แกว่งไซด์เวย์ออกด้านข้าง คล้ายคลึงกับตลาดในภูมิภาคเอเชีย และตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ต่างก็เคลื่อนไหวไซด์เวย์ ขณะที่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สทรงตัว มองเป็นการชะลอการลงทุนในช่วงสั้นหลังจากที่รีบาวด์ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแค่การลดความร้อนแรงลงในช่วงที่ตลาดไม่มีประเด็นใหม่เข้ามา

ทั้งนี้ หุ้น DELTA ปรับตัวลง กดดันดัชนีฯราว 6 จุด หากตัด DELTA ออกไปดัชนีฯก็ยืนบวกได้ พร้อมให้ติดตามตัวเลข GDP งวดไตรมาส 3/65 ของสหรัฐที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ (27 ต.ค.) และ GDP ของยูโรโซนจะออกมาในสัปดาห์หน้า รวมถึงติดตาม PCE ของสหรัฐที่จะออกมาในวันศุกร์นี้ (28 ต.ค.)

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 27 ต.ค.2565 ตลาดคงจะแกว่งไซด์เวย์ จับตาดูว่าสัปดาห์นี้ดัชนีฯจะยืนเหนือ 1,600 จุดได้หรือไม่ หากยืนได้จะเป็นบวกต่อตลาด โดยมีแนวรับ 1,580 จุด แนวต้าน 1,600-1,605 จุด

 

อ่านประกอบ

SCC มูลค่าหุ้นหายวับ 7 หมื่นลบ. P/BV เหลือ 1 เท่า โบรกฯแนะ “ถือ”