KBANK ร่วง 3% เจอแห่หั่นเป้ากำไร-KTB เด่น อัพกำไรยาว 3 ปี

HoonSmart.com>>นักลงทุนพร้อมใจขายหุ้น”กสิกรไทย” หลังผิดหวังกำไรไตรมาส 3/65 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดเป้ากำไรทั้งปี 65 บางรายหั่นราคาเป้าหมายลงด้วย ส่วน SCB ออกมาต่ำกว่าคาด แต่ยังเห็นโอกาสโต ด้าน “ธนาคารกรุงเทพ”ดีตามคาด ธุรกิจแกร่ง มีโอกาส Upside  ส่วน”กรุงไทย”กำไรเหนือคาด แห่เพิ่มประมาณการกำไร 3 ปีติด(65-67) แต่แรงเชียร์ซื้อกลุ่มแบงก์ยังคงดังสนั่น ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก แถมปันผลดี 

วันที่ 25 ต.ค.2565 ตลาดหุ้นยืนปิดเหนือ 1,600 จุดสำเร็จ ที่ระดับ 1,600.66 จุด เพิ่มขึ้น 9.34 จุด หรือ +0.59% แต่ราคาหุ้นแบงก์ไปคนละทิศคนละทาง หลังประกาศกำไรสุทธิงวดไตรมาสที่ 3/2565 ออกมา พบว่าธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ (SCB) ออกมาต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะ KBANK ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง แม้คาดว่าไตรมาสที่ 4 จะดีขึ้นก็ตาม กดดันให้ราคาหุ้นปิดที่ 141.50 บาท ร่วง -3.08% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 6,368 ล้านบาท

ขณะที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) กำไรดีเกินคาด ได้รับการปรับเป้ากำไรระยะยาว ปี 2565-2567 ราคาหุ้นบวก 2.91% ปิดที่ 17.70 บาท ด้านธนาคารกรุงเทพ(BBL) ปิดที่ 144.50 บาท บวก 1.76% กำไรออกมาตามคาด

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นแบงก์รายตัว พบว่า KBANK และ SCB กำไรต่ำกว่าคาด จึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2565 ของธนาคารกสิกรไทยลง 3.3% เหลือ 43,453 ล้านบาท โต 14.2% หลังไตรมาสที่ 3/2565 ทำได้จำนวน 10,574  ล้านบาท โต 22.5%จากช่วงเดียวกันปีก่อน( YoY) แต่ลดลง 2%เทียบกับไตรมาสที่ 2 (QoQ)  จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น เร่ง write off และขายหนี้เสียให้กับ JKAMC เพื่อปรับคุณภาพสินทรัพย์ แต่รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นได้ จาก NIM ที่เริ่มขยายตัว

“เรามองกำไรของ KBANK ในช่วงสั้นยังถูกกดดันด้วยค่าใช้จ่ายตั้งสำรองที่ลดลงได้ยาก  เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งจะเริ่มเห็นผลดีตั้งแต่ปี 2566 หลังแรงกดดันในการตั้งสำรองเริ่มลดต่ำลงขณะที่ในแง่ Valuation ราคาหุ้นปัจจุบันมีUpside 28.1%จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี2566 ที่187 บาท จึงคงคำแนะนำซื้อ”

ส่วน SCB กำไรสุทธิ 10,309 ล้านบาท โต 16.9% YoY  และ 2.6% QoQ ต่ำกว่าคาด 6.4% ส่วนไตรมาส 4 คาดเร่งตัวขึ้น ทำให้กำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 42,233 ล้านบาท โต 18.6%

“เราชอบ SCB จากความสามารถในการเพิ่มศักยภาพทำกำไร หลังปรับโครงสร้างที่จะโดเด่นมาดขึ้นเรื่อยๆ และได้ประโยชน์จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ยังสามารถบริหารจัดการหนี้เสียได้ดี ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 35.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2566 เดิมที่ 144 บาท จึงคงคำแนะนำซื้อ”

ขณะเดียวกัน KTB กำไรดีเกินคาด 5% แนวโน้มไตรมาส 4 เร่งตัวต่อเนื่อง จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2565 ขึ้นเฉลี่ยปีละ 4.5% ทำให้ปี 2565 ทำได้จำนวน 34,154 ล้านบาท โต 58.2% ในแง่ Valuation ราคาหุ้นมี Upside 22.1% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 21 บาทและอัตราผลตอบแทนเงินปันผลอีก 4.3% จึงคงคำแนะนำ”ซื้อ”

ด้านบล.พาย มอง KTB กำไรดีกว่าคาดถึง 10% แนวโน้มไตรมาส 4 โตแรงอีก 49% YoY เป็น 7,540 ล้านบาท ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2567 ขึ้น 7% 8% 8%ตามลำดับ

” KTB จะมีกำไรสุทธิปีนี้ โต 53% คาดแนวโน้มกำไรโตต่อเนื่อง 8-11% ในปี 2566-2567 เพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 20.20 บาท จากเดิมให้ไว้ที่ 17.30 บาท “บล.พายระบุ

ด้านบล.บัวหลวงมองบวก KTB ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ 53%มาอยู่ที่ 3.36 หมื่นล้านบาท โต 55.6% จากปีก่อน และเพิ่มเป้ากำไรปีหน้า 4% มาอยู่ที่ 3.58 หมื่นล้านบาท โต 6.5% จึงปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็นสิ้นปี 2566 และได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 19 บาท

สำหรับ BBL บล.โนมูระพัฒนสิน คาดกำไรปีนี้ 2.78 หมื่นล้านบาท แต่มีโอกาสที่กำไรปี 2565-2567 เกิด Upside จากรายได้ดอกเบี้ยดีกว่าคาด การเพิ่มขึ้นทุกๆ 1% ทำให้กำไรสุทธิปี 2565-2567 เพิ่มขึ้นปีละ 2% ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นปี2566 เพิ่ม 3 บาท คงเป้าหมายที่ 175 บาท