AAI ปลื้มนักลงทุนสถาบันแห่จองซื้อ IPO ล้นเกือบ 10 เท่า

HoonSmart.com>> “เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล” (AAI) ปลื้มนักลงทุนสถาบันในประเทศแห่จองซื้อ IPO มากกว่าจำนวนที่จัดสรรเกือบ 10 เท่า สะท้อนความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกรายใหญ่ของไทย เดินหน้าขายหุ้น IPO ไม่เกิน 637.5 ล้านหุ้น ให้นักลงทุนรายย่อย 21, 25 – 26 ต.ค.นี้ คาดนำหุ้นเข้าเทรดในตลาด SET ดีเดย์ 1 พ.ย.นี้

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ Head of Investment Banking Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า ภายหลังจาก บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคาหุ้นละ 5.55 บาท ซึ่งนักลงทุนสถาบันในประเทศได้แสดงความสนใจจองซื้อหุ้น IPO ของ AAI มากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรเกือบ 10 เท่า สะท้อนถึงความมั่นใจในศักยภาพธุรกิจพร้อมโอกาสการเติบโตในอนาคต สอดรับกับแนวโน้มการเติบโตจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีความต้องการสูง

ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ดำเนินการเสนอขายหุ้น IPO ของ AAI ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท เอเชี่ยนซีคอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นจองซื้อในวันที่ 17 – 21 ตุลาคม แล้ว ส่วนนักลงทุนทั่วไป จองซื้อระหว่าง 21, 25 – 26 ตุลาคมนี้ต่อไป โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นแกนนำจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย  คาดหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล  ( AAI )  กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกมีมูลค่า 1.10 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกว่าจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.63 แสนล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.03 ต่อปีจากมูลค่าในปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากผู้บริโภคมีความต้องการที่จะเลี้ยงสัตว์และผูกพันกับสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนหนึ่งในสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ทำให้ความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตไปด้วย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มองเห็นอุปสงค์ความต้องการอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จึงมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตภายใน 3-5 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า รวมถึงจะนำองค์ความรู้และประสบการณ์การผลิตสินค้าให้กับสินค้าแบรนด์ระดับโลกมาพัฒนาแบรนด์สินค้าของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าได้อย่างครอบคลุม