HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” เผยไตรมาส 3/65 หุ้นไทยดีดขึ้นรับเปิดเมือง ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า หนุนผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยทำได้ 2.3% ด้านนักลงทุนฉวยจังหวะขายทำกำไร ผลักเงินไหลออกกองทุนหุ้นไทยสุทธิเกือบ 4 พันล้านบาท รวม 9 เดือนปี 65 ไหลออกสุทธิ 7.1 พันล้านบาท ฟาก “บลจ.เอไอเอ” เงินไหลเข้าสะสมสูงสุด ผงาดขึ้นอันดับ 5 ตลาดกองทุนหุ้นไทย ไม่รวมกองลดภาษี ด้านกองทุน KT-mai บลจ.กรุงไทย โชว์ผลตอบแทนกลุ่มกองหุ้นขนาดกลาง เล็กสูงสุด 26.65% ฟาก “กองทุน 1AMSET50-ID” บลจ.วรรณ” แชมป์กองหุ้นขนาดใหญ่
บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2565 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเข้าสู่ภาวะ Bear-market และ Bond yield ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี หลังจากที่เงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมถึงธนาคารกลางในประเทศอื่นๆก็เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่เหตุความขัดแย้งในยูเครนและรัสเซียยังคงยืดเยื้อต่อไป
ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/2565 ปรับตัวขึ้น ทำให้กองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF, RMF, SSF) กลับเป็นเงินไหลออกสุทธิอีกครั้ง หลังจากมีเงินไหลเข้าในไตรมาสที่ 2/2565 เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงค่อนข้างแรง ทำให้มีเงินไหลเข้าสุทธิกองทุนหุ้นไทย (ไม่รวม LTF, RMF, SSF) หลังจากมีเงินไหลออกต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปี
ดัชนี SET Index ปรับตัวขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และมีทิศทางย่อลงในเดือนกันยายน โดยไปปิดที่ 1,589.51 หรือเท่ากับผลตอบแทนรวม 3 เดือนที่ 2.3% หรือสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ -1.6% ทำให้กองทุนหุ้นไทยกลับมามีเงินไหลออกสุทธิในเดือนสิงหาคมและกันยายน โดยรวมทั้งไตรมาสเป็นเงินไหลออกสุทธิเกือบ 4 พันล้านบาท หรือสะสม 9 เดือนไหลออกสุทธิ 7.1 พันล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีที่แล้ว 6.8%
ก่อนหนานี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำให้ค่าเงินในภูมิภาค ASEAN รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนต่อเนื่อง แต่ใน 9 เดือนแรกปี 2565 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก และ SET Index ยังมีความผันผวนค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นอื่นๆ แม้ว่าความไม่แน่นอนจากผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเร่งตัวขึ้น
ดัชนี SET Index ใน 9 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มทรัพยากร ขณะที่ดัชนี SET Index ณ สิ้นก.ย.2565 ลดลง 3.0% จากเดือนก่อนหน้า ลดลงไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ลดลง 4.1%
ด้านบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยอีกว่า กองทุน AIA Thai Equity (AIA-TEQ) ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอไอเอ มีเงินไหลเข้าสะสมสูงสุดในรอบ 3 เดือนล่าสุดและ 9 เดือนแรกที่มูลค่ากว่า 500 ล้านบาทและ 1.2 พันล้านบาทตามลำดับ บลจ. เอไอเอมีเงินไหลเข้าสุทธิรอบ 9 เดือนสูงสุด 1.8 พันล้านบาท ทำใหขยับขึ้นมาเป็นบลจ.ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของตลาดกองทุนหุ้นไทยที่ไม่รวมกองทุนประหยัดภาษี ในขณะที่บลจ.แห่งอื่นมีเงินไหลเข้าเพียงเล็กน้อยไปจนถึงเงินไหลออกสุทธิโดยเฉพาะบลจ.รายใหญ่ เช่น บลจ.อีสท์สปริง บลจ. กสิกรไทย และบลจ.ไทยพาณิชย์
ทั้งนี้ในภาพส่วนแบ่งตลาดมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้างโดย บลจ.ไทยพาณิชย์ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดที่ 16% ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่บลจ.อีสท์สปริงขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 2 จากมูลค่ากองทุนบลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาตเดิม โดยรวมมีส่วนแบ่งที่ 15% ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 3.4 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วยบลจ.บัวหลวงและบลจ.กสิกรไทยที่ 15% และ 11% ตามลำดับ
ด้านผลตอบแทนของกองทุนหุ้นไทยย้อนหลัง 1 ปี ข้อมูลจากบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ณ 30 ก.ย.2565 พบว่า กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก (Equity Small/Mid-Cap) ทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่นกว่ากองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-Cap) โดยกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น เอ็ม เอ ไอ (KT-mai) ของบลจ.กรุงไทย ผลตอบแทนสูงสุด 26.65% ขณะที่กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ ที่ทำผลตอบแทนได้สูงสุด ได้แก่ กองทุนเปิด วรรณเอเอ็มเซ็ท 50 ชนิดจ่ายเงินปันผล สำหรับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล (1AMSET50-ID) ของบลจ.วรรณ อยู่ที่ 7.27%