HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 4.50 จุด อ่อนตัวลง จากแรงกดดันหลายทาง ทั้งยังรอดูเงินเฟ้อสหรัฐ-ต่างจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดจะออกมาอย่างไร วอลุ่มเทรดแผ่ว-แค่เทรดดิ้งช่วงสั้น หรือ Wait & See รอจันทร์หน้า
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 11 ต.ค.2565 ณ เวลา 9.58 น. อยู่ที่ระดับ 1,566.07 จุด ลดลง 4.50 จุด หรือ -0.29% มูลค่าซื้อขาย 3,021.27 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองดัชนีฯ ปรับตัวลดลง ตลาดต่างประเทศถูกกดดันจากตัวแปรลบหลายทาง (เงินเฟ้อ, ดอกเบี้ยเฟด, รัสเซีย) โดยตลาดรอดูประเด็นสำคัญ คือ การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ นักลงทุนจับตาดูถ้อยแถลงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการออกมาแสดงความเห็นอย่างไรหลังจากที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมา (หากมีท่าทีการขึ้นดอกเบี้ยที่รุนแรงจะลบต่อตลาด)
นักลงทุนเริ่มมีคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐ ล่าสุด ราคาน้ำมัน Brent 95.6 เหรียญสหรัฐ รวมถึงประเด็นความขัดแย้งของรัสเซีย-ยูเครน ยังเป็นตัวกดดันตลาด
สำหรับข่าวสหรัฐฯ จำกัดการส่งออก Chip ไปยังจีน และการระบาดโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นของจีน เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากมีผลเชิงลบต่อหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ เดินเรือ และโลจิสติกส์
กสทช. จะมีการประชุมดีล TRUE-DTAC ในวันพรุ่งนี้(12) อาจยังไม่ได้ข้อสรุป(ตามข่าว) ขณะที่สภาผู้บริโภคฯ มีการยื่นหนังสือค้านดีลในวานนี้(10)
ด้านกลยุทธ์ มองนักลงทุนส่วนใหญ่คาด จะรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (13 ต.ค.) การซื้อขายช่วง 2 วันที่เหลือของสัปดาห์ ปริมาณซื้อขายจะเบาบางลง และเป็นการเทรดดิ้งช่วงสั้น วนกลุ่มเล่นทั้งสองวัน กลยุทธ์ วันนี้ เน้นเล่นสั้น ในตัวที่ตลาดเล่น หรือ Wait & See รอวันจันทร์หน้า
ราคาน้ำมันดิบยังสูง นักลงทุนมองว่าอาจทะลุ 100 เหรียญสหรัฐ แต่ยังต้องให้น้ำหนักกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่จะตามมา การลงทุนในหุ้น PTTEP, BANPU จะควรเล่นเก็งกำไรช่วงสั้น ส่วนหุ้นปิโตรเคมี-โรงไฟฟ้า เรายังมองในโทนลบอยู่เช่นเดิม
ส่วนการห้ามส่งออก chip (บางแบบ) ของสหรัฐฯไปจีน จะกดดันราคาหุ้น KCE, HANA และอาจเลยไปถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ด้วย
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
SCC อยู่ที่ 311.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ -0.64% มูลค่าซื้อขาย 271.76 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 55.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.90% มูลค่าซื้อขาย 231.20 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 72.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.69% มูลค่าซื้อขาย 184.78 ล้านบาท
BANPU อยู่ที่ 12.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -0.79% มูลค่าซื้อขาย 151.60 ล้านบาท
MAKRO อยู่ที่ 34.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -2.11% มูลค่าซื้อขาย 134.62 ล้านบาท