หุ้นเช้านี้ลบ 3.61 จุด หลุด 1,600 กังวลศก.ทั่วโลกชะลอ

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 3.61 จุด กังวลเศรษฐกิจชะลอตัวของทั่วโลก จากเงินเฟ้อสูง-ดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบหุ้นที่เกี่ยวข้อง ดัชนีฯ รอบนี้ มีโอกาสหลุด 1600 จุด โดยจุดรับถัดไป แถวๆ 1570-80 จุด ด้าน Dollar Index – บอนด์ยีลด์ปรับตัวลง แต่นักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจตลาดจะไปทางไหน จับตาศาลรัฐธรรมนูญตัดสินปม 8 ปีนายกรัฐมนตรีในวันนี้

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 30 ก.ย.2565 ณ เวลา 10.14 น. อยู่ที่ระดับ 1,588.76 จุด ลดลง 3.61 จุด หรือ -0.23% มูลค่าซื้อขาย 8,477.77 ล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองดัชนีฯ ปรับตัวลดลง จากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวของทั่วโลก ขณะที่ไทยจับตาดูการเมืองวันนี้ โดยตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มพูดถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จากเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะมีผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิกลุ่มส่งออก อิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มอุตสาหกรรม ประเมินดัชนีฯ รอบนี้ มีโอกาสหลุด 1600 จุด โดยจุดรับถัดไป แถวๆ 1570-80 จุด

ด้าน Dollar Index ปรับตัวลง (ล่าสุด 111.7 จุด) รวมถึง Bond Yield ของสหรัฐฯ ก็เริ่มปรับตัวลง ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความไม่แน่ใจว่าทิศทางตลาดจะไปทางใด ซึ่งอาจจะมีผลให้ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ปรับตัวลงต่อ

วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัยกรณี 8 ปีของนายกฯ จากข้อมูลเบื้องต้นคาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ดำรงตำแหน่งต่อ หากเป็นตามที่คาด เรามองว่าไม่กระทบตลาดหุ้นไทย เนื่องจากรัฐบาลเตรียมการยุบสภาไว้แล้ว (หลังประชุม APEC)

จับตาดู ธปท.รายงาน เงินทุนสำรองฯ ที่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ เงินทุนสำรองฯ สัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 2.09 แสนล้านเหรียญ หากเงินทุนสำรองลดลงอย่างมีนัยยะ จะมีผลต่อค่าเงินบาทด้วย (เช้านี้ เงินบาท 37.91 บาท/ดอลล่าร์)

ด้านกลยุทธ์มอง ตลาดหุ้นทั่วโลกยังไร้เสถียรภาพ ผลกระทบเงินเฟ้อสูง และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารต่างๆ จะทำให้นักลงทุนชะลอการใช้จ่าย กระทบต่อเศรษฐกิจและกำไรตลาดในที่สุด ยังแนะนำเพียงเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ ในภาวะตลาดแบบนี้ นักลงทุน ควรเลี่ยงหุ้นที่บริษัทในตลาดหุ้นไทยจะถูกกระทบจากต่างประเทศ คือ ธุรกิจส่งออก(อุตสาหกรรม) ธุรกิจ Logistics และอิเล็กทรอนิกส์ ไปก่อน

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
TEGH อยู่ที่ 4.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท หรือ +3.75% มูลค่าซื้อขาย 1,502.84 ล้านบาท
DELTA อยู่ที่ 646.00 บาท ลดลง 14.00 บาท หรือ -2.12% มูลค่าซื้อขาย 416.53 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 56.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.44% มูลค่าซื้อขาย 350.81 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 144.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.35% มูลค่าซื้อขาย 327.34 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 161.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.31% มูลค่าซื้อขาย 317.54 ล้านบาท