SCB-BBL นำกลุ่มแบงก์ที่ขึ้นยกแผง เล็งอัพไซด์กำไร 5-8% จากดบ.ขาขึ้น

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มธนาคารปิดเช้าขยับขึ้นยกแผง นำโดย SCB-BBL-TTB-KBANK ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น หลังกนง.ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง 0.50% หนุนอัพไซด์กำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ 5-8% จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 2.00% ในปี 66 โดย BBL ผู้นำกลุ่มที่ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ ส่งส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) เพิ่มขึ้น เล็งธนาคารอื่นทยอยขึ้นตาม 

หุ้นในกลุ่มธนาคารปิดเทรดช่วงเช้าขยับขึ้นยกแผง โดยดัชนีกลุ่มแบงก์อยู่ที่ 377.15 จุด เพิ่มขึ้น 7.33 จุด หรือ +1.98% นำโดยหุ้น SCB บวก 2.90% มาอยู่ที่ 106.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 754.28 ล้านบาท
หุ้น BBL บวก 2.57% มาอยู่ที่ 139.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,139.57 ล้านบาท
หุ้น TTB บวก 2.48% มาอยู่ที่ 1.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 117.16 ล้าน่บาท
หุ้น KBANK บวก 2.09% มาอยู่ที่ 146.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,187.12 ล้านบาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นกลางต่อกนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นไปตามคาด และคาดว่าจะปรับเพิ่มอีก 1 ครั้งในวันที่ 30 พ.ย. อีก 0.25%และ อีก 3 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) ภายในครึ่งแรกปี 2566 ไปอยู่ที่ 2.00% ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยคาดเป็น upside ต่อกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ 5-8% จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 2.00% ในปี 2566 ภายใต้ base case ที่มีการใส่ credit cost ที่ 0.10% เพราะมีโอกาสที่จะเกิด NPL เพิ่มมากขึ้นได้ในอนาคต

ธนาคารขนาดใหญ่ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเรียงลำดับจากมาก-น้อย คือ BBL, KTB, KBANK และ SCB โดย BBL แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 167.00 บาท  ขณะที่กลุ่มธนาคารยังคงให้น้าหนัก “มากกว่าตลาด” เลือก KTB “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 18  บาท, KBANK “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 190  บาท เป็น Top pick

BBL ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้เพิ่มขึ้นเป็นธนาคารแรก โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับเพิ่มขึ้น 0.15-0.50% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย เงินกู้ MLR  เพิ่มขึ้น 0.40% ต่อปี, MOR  เพิ่มขึ้น 0.375% ต่อปี และ MRR  เพิ่มขึ้น 0.30% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 65

ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นบวกต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก ประเมินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบนี้จะเป็น upside ต่อกำไรสุทธิในปี 2566 ราว +3% (กรณีขึ้นอัตราเงินฝากออมทรัพย์ที่ +0.20%, MLR ที่ +0.40%, MOR ที่ +0.375%, MRR ที่ +0.30%) ทั้งนี้ ประเมิน upside ต่อกำไรสุทธิในปี 2566 ของ BBL โดยรวมอยู่ที่ +8% (กรณีที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นเป็น 2.00% ภายใต้ base case ที่มีการใส่ credit cost ที่ 0.10% เพราะมีโอกาสที่จะเกิด NPL เพิ่ม มากขึ้นได้ในอนาคต) จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BBL และราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 167.00 บาท อิง 2565 PBV ที่ 0.62x (-1.25SD below 10-yr average PBV) นอกจากนี้ คาดว่าธนาคารอื่น ๆ จะทยอยประกาศปรับขึ้นตาม BBL เช่นกันเพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น

บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้น้ำหนักกลุ่มธนาคาร เป็น BULLISH หลังธนาคารกรุงเทพ ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้เพิ่มขึ้น ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดว่าธนาคารอื่น ๆ จะประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝาก เช่นกัน ดังนั้น มองบวกต่อธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ KBANK, BBL, SCB, KTB

บล.ทิสโก้ แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BBL มูลค่าเหมาะสม 173 บาท เป็น Top picks คาด Outperform  แนวโน้มไตรมาส 3/65 น่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของผลกำไรอย่างเห็นได้ชัด จากการให้สินเชื่อธุรกิจที่แข็งแกร่ง และให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ทั้งยังมีการลดค่าใช้จ่ายเครดิตที่อาจเป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามา

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำหุ้น BBL คาดแนวโน้มกาไรในช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตดี แรงหนุนจากยอดสินเชื่อปีนี้ที่คาดขยายตัว 4-6% ผสานกับ NIM มีแนวโน้มจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากทิศทางดอกเบี้ยท่ีสูงข้ึน โดยล่าสุดมีการปรับดอกเบี้ยขึ้นแล้ว อีกทั้งยังมีการตั้งสำรองในช่วงที่ผ่านมาในระดับสูงแล้ว