TEGH ปลื้ม! โรดโชว์ออนไลน์ฮอต 3 ธุรกิจแกร่ง 5 ปีรายได้พุ่งเท่าตัว 2 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>”ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ “หุ้นพื้นฐานดีอนาคตไกล ปิดฉากโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์คึกคัก เตรียมขายไอพีโอ 270 ล้านหุ้น เสนอจุดแข็งชัดเจน 3 ธุรกิจทะยาน รถยนต์ EV บูม หนุนบริษัทรุ่ง ตั้งเป้า 5 ปี รายได้พุ่งเท่าตัว แตะ 2 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรสุทธิสูง เพิ่มกำลังผลิตยางแท่งปี 67 ติดท็อปไฟว์ในไทย ธุรกิจสีเขียวตามเทรนด์โลก คู่แข่งเข้ามายาก เปิดรับพันธมิตรลูกค้าต่างประเทศชั้นนำ มุ่งโตก้าวกระโดด  

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ทีมผู้บริหาร TEGH และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับนักลงทุน เพื่อเพิ่มความเข้าใจภาพรวมธุรกิจ แผนการดำเนินงานในอนาคต ทำให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโต ภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 30 ก.ย.2565 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร ซึ่งได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม

TEGH ประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และ3.ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งแต่ละธุรกิจมีศักยภาพเติบโตได้มั่นคง ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง รวมถึงบริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งเป็นผู้ผลิตยางล้อชั้นนำระดับโลก อาทิ Michelin, Bridgestone, Goodyear, Sumitomo, Pirelli, Apollo และ Yokohama เป็นต้น ซึ่งมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว

“ไทยอีสเทิร์นฯมี 4 จุดเด่น เรื่อง การเติบโตค่อนข้างสูง โดยเฉพาะพลังงานทดแทนและการจัดการกากโตถึง 100% อัตราการทำกำไรและ ROE สูง ผลิตสินค้าพรีเมียม ทำให้คู่แข่งเข้ามายาก และมีพันธมิตรรที่แข็งแกร่งระดับโลกช่วยในการพัฒนาสินค้า”นายพงศ์ศักดิ์กล่าว

นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น เพิ่มทุนของบริษัทฯ กล่าวเสริมว่า TEGH  มีแผนเสนอขายหุ้น 270 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 4.80 บาท เปิดจอง 21-23 ก.ย.2565  บริษัทมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากมีแผนขยายกำลังการผลิต เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการผลิตยางแท่ง Premium Quality ของประเทศ เพื่อสร้างการประหยัดต่อขนาดและความได้เปรียบด้านต้นทุน โดย TEGH ตั้่งเป้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตสูงสุดที่ประมาณ 285,649 ตันต่อปี ในปี 2564 เป็น 416,494 ตันต่อปี ภายในปี 2567 เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการยางแท่งที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) กล่าวว่า  บริษัทตั้งเป้าในปี 2569 รายได้จะเติบโตเท่าตัวแตะ 2 หมื่นล้านบาทจากปี 2564 อยู่ที่ 11,087.76 ล้านบาท ยอดขายเพิ่มตามการขยายกำลังการผลิต ตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ติดอันดับ5 ของประเทศไทย และอัตรากำไรสุทธิสูง รวมถึงการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์  ทำให้มีแหล่งทุนเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืนต่อไป และบริษัทมองหาโอกาสเสมอ พร้อมที่จะเปิดรับการร่วมทุนกับพันธมิตรลูกค้าต่างประเทศชั้นนำ เพื่อการเติบโตก้าวกระโดด

การขยายกำลังการผลิต เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการผลักดันรายได้ของ TEGH เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการยางแท่งที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต รัฐบาลในหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป เป็นต้น สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดว่า นโยบายสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลต่างๆ จะส่งผลให้จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีการเติบโตจาก 11 ล้านคันในปี 2563 เป็น 145 ล้านคัน ในปี 2573  อัตราเติบโต  30% ต่อปี ซึ่งจะทำให้ความต้องการยางล้อรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น

บริษัทเป็นผู้นำการผลิตยางแท่งและปาล์มน้ำมันใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่ยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า มีการผลิตพลังงานทดแทน นำกากของเสียมาหมุนเวียนใช้ให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้สินค้าของกลุ่มบริษัทฯ จัดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นกันชนในการที่แบรนด์ระดับโลกเลือกบริษัทที่ผ่านมาแม้การตรวจสอบคุณภาพของบริษัทใช้เวลานานแต่ก็คุ้มค่า การตลาดเน้นการขายลูกค้าโดยตรงเกือบทั้งหมด มีเพียง 2-3% ผ่านเทรดเดอร์ ทำให้เห็นความต้องการของลูกค้าและเห็นการเติบโต  รวมถึงเป็นความร่วมมือในการผลิตเส้นยาง BMW เติบโตพร้อมกับลูกค้ามาโดยตลอด

“เราเป็นต้นน้ำของซัพพลายเชน และสินค้าที่มีคุณภาพ สามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามต้องการของลูกค้า ตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบย้อนหลังได้ รองรับกับความต้องการที่มองหาวัตถุดิบเพื่อความยั่งยืน เราปรับโมเดลธุรกิจ ใส่กลยุทธ์ความยั่งยืนในการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความแข็งแกร่งจากภายใน และเตรียมพร้อมกับการเป็นพันธมิตรลูกค้าต่างประเทศ ”

นอกจากนี้ยังมีทรัพยากรบางส่วนที่จะขยายได้ เช่น คาร์บอน กากตะกอน น้ำหมักชีวภาพ ทลายปาล์ม มีแผนที่จะต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม การมองหาพันธมิตรในการต่อยอดทั้งยางพารา ปาล์มน้ำมันและพลังงานทดแทนชีวภาพ บริหารจัดการกากอินทรีย์ในพื้นที่ EEC

สำหรับเงินจากการระดมทุนขายหุ้น IPO นอกจากนำไปขยายธุรกิจแล้ว ใช้เงินคืนหนี้ระยะสั้น เงินทุนส่วนใหญ่นำไปลงทุนในสินค้าคงเหลือและลูกหนี้การค้า ซึ่งบริหารค่อนข้างดี 90 วัน ทั้งนี้หนี้ที่ลดลงช่วยเพิ่มศักยภาพยอดขาย และเพิ่ม ROA  ได้มากขึ้น