หุ้นเช้านี้ลบ 3.67 จุด พักตัวต่อเนื่อง-กลุ่มพลังงานกดดัน

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 3.67 จุด พักตัวต่อเนื่อง กลุ่มพลังงานหลังถ่วงหลังราคาน้ำมันร่วงแรง ขณะที่ภาพรวมตลาดกังวลเศรษฐกิจชะลอหลังเล็งเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย 0.75-1% ในการประชุมสัปดาห์หน้า ส่ง Dollar Index อยู่ในทิศทางแข็งค่า-บอนด์ยีลด์สหรัฐสูงกว่า 3% ช่วงสั้นเงินต่างชาติไหลออก

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 16 ก.ย.2565 ณ เวลา 9.59 น. อยู่ที่ระดับ 1,638.66 จุด ลดลง 3.67 จุด หรือ -0.22% มูลค่าซื้อขาย 4,638.40 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองตลาดหุ้นวันนี้ SET Index แกว่งตัว Sideways Down พักตัวต่อเนื่อง โดยมีแนวรับ 1,630+- จุด กลุ่มพลังงานคาดถ่วงตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจากความกังวลด้าน Demand ยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือน ส.ค. +0.3% M-M ดีกว่าตลาดคาด แต่หักไม่รวมยานยนต์จะ -0.3% M-M ต่ำกว่าตลาดคาด ภาพรวมตลาดกังวลทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอในขณะที่เงินเฟ้อยังลงช้า ส่งผลให้ Dollar Index ยังทรงไปในทิศทางแข็งค่า และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาด สัปดาห์หน้าต้องติดตามว่าจะขึ้น 0.75% ตามคาดหรือไม่

ระยะสั้นเม็ดเงินต่างชาติพลิกไหลออกจากตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น คาดยังช่วยหนุนให้ SET Index มีแนวโน้มแกว่งตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดหุ้นโลกและกระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลเข้าในระยะกลาง หุ้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play โดยเฉพาะที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัวคาดว่ายัง Outperform ส่วนจุดเข้าสะสมระยะกลาง-ยาวยังรอจังหวะพักฐานของดัชนีบริเวณ 1,600-1,610+- จุด

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลง ความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยเฟดกดดันตลาด ภาพใหญ่ของตลาดถูกกดดันจาก คาดการณ์ดอกเบี้ย ในการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า ปรับขึ้นจาก จาก 0.50% – 0.75% กลาย มาเป็น 0.75% – 1.00% ทำให้สินทรัพย์ต่าง ๆ ปรับตัวตาม อาทิ ทองคำ และพันธบัตร ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ( Bond Yield) 10 สหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 3.4% นักลงทุนจะชะลอการลงทุน เพื่อรอดูการประชุมครั้งนี้
การพบกันของ 2 ผู้นำรัสเซีย-จีน ที่อุซเบกิสถานวานนี้ (15 ก.ย.) ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ได้มีท่าทีอะไรที่เป็นลบต่อสหรัฐฯ-ยุโรป จึงมองว่าจะ ไม่สร้างความกังวลต่อตลาด

ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ ธปท. อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม คร้ังต่อไป กระทบต่อค่าเงินบาท (ดีต่อหุ้นส่งออก) และหุ้นกลุ่มการเงิน (AEONTS, MTC, SAWAD, KTC) ค้าปลีก (CPALL, MAKRO) แต่ในแง่ของ Valuation หุ้นที่ใช้ DCF(ส่วนลดกระแสเงินสด) ในการประเมินมูลค่าจะเป็นลบ

เงินบาทของไทยอาจจะอ่อนค่าลงไปแตะ 37 บาท ได้ในช่วงระหว่างวัน (ล่าสุด 36.9 บาท/ดอลลาร์) การอ่อนค่าของเงินบาทอาจจะ กระทบต่อเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย วานนี้ ขายสุทธิ 4.4 พันล้านบาท

วันนี้ FTSE จะ re-balance ตลาดหุ้นไทย (ลดน้าหนัก) สำหรับหุ้นเข้า/ออก นำ FORTH, BYD, RAM, VIBHA เข้าคำนวณ FTSE Global Equity Index Series (Small Cap) แต่นำ IMPACT ออกจากการคำนวณ

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ยอดค้าปลีกเดือน ส.ค.ของจีน และยอดขายรถยนต์เดือน ส.ค.ของไทย

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTTEP อยู่ที่ 165.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -0.90% มูลค่าซื้อขาย 371.81 ล้านบาท
SCB อยู่ที่ 105.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.94% มูลค่าซื้อขาย 302.61 ล้านบาท
PTT อยู่ที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ +0.68% มูลค่าซื้อขาย 301.63 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 147.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -0.67% มูลค่าซื้อขาย 250.47 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 72.25 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.34% มูลค่าซื้อขาย 180.88 ล้านบาท