บล.บัวหลวง แนะผู้ลงทุนมือใหม่ “ออมหุ้น” ผ่าน DR-ETF สร้างผลตอบแทนระยะยาว

HoonSmart.com>> บล.บัวหลวง แนะ “ผู้ลงทุนมือใหม่” ใช้จังหวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานจากความกังวล “ปรับขึ้นดอกเบี้ย, เงินเฟ้อสูง และเศรษฐกิจถดถอย” เริ่มต้น “ออมหุ้น” เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว ผ่าน DR และ ETF พร้อมชวนร่วมกิจกรรม “ออมหุ้นกี่ปีรวย” กับโครงการ “BUAJOY with The Toys เส้นทางลงทุนสำหรับมือใหม่” เพื่อใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการลงทุน

ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังปรับฐานจากความวิตกกังวลในหลากหลายปัจจัย เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และประเทศอื่น ๆ, อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความกังวลภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย เราแนะนำให้ผู้ลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นลงทุนใช้โอกาสนี้ในการเริ่มต้น “ออมหุ้น” เพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ผ่านการลงทุนใน “กองทุนรวม ETF ที่มีนโยบายลงทุนอ้างอิงดัชนีในประเทศ” และ “ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่อ้างอิงกองทุน ETF ในต่างประเทศ” ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนดังกล่าวเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลงทุนในระยะยาว

“นโยบายการเงินที่เข้มงวดจากการปรับขึ้นอัตราเงินเฟ้อได้ดำเนินไปจนใกล้สุดทาง เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและกำลังชะลอตัวลงต่อเนื่องไปสู่ปี 2566 ดังนั้นมูลค่าหุ้นที่ซื้อขายในปัจจุบันได้สะท้อนสถานการณ์ไปมากและน่าจะอยู่ในโซนใกล้ต่ำสุด สังเกตจากค่า P/E ของหลายตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่คาดว่าไม่รุนแรงมาก” นายชัยพร กล่าว

สำหรับ DR ที่ผู้ลงทุนมือใหม่ควรเริ่มมีติดพอร์ตในช่วงตลาดหุ้นปรับฐาน เราแนะนำให้ลงทุนใน

1. DR “E1VFVN3001” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นกองทุนรวม ETF อ้างอิงดัชนี VN30 สะท้อนหุ้นชั้นนำ 30 บริษัทขนาดใหญ่สภาพคล่องสูงในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ที่หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกเจ้าแรกของไทยเมื่อปลายปี 2561 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศเวียดนามยังคงเติบโตแข็งแกร่ง โดยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 GDP ขยายตัวกว่า 7% และคาดการณ์ว่าในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า GDP ของเวียดนามจะเติบโตประมาณ 6-7% จากเม็ดเงินลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment) ที่ไหลเข้าประเทศอย่างต่อเนื่องทำให้การส่งออกเติบโตแบบก้าวกระโดด

2. DR “DIAMOND” ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ “FUEVFVND01” ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น DCVFMVN DIAMOND ETF (FUEVFVND) ที่ลงทุนอ้างอิงดัชนี VN DIAMOND ของตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม โดยมีความแตกต่างจากดัชนี VN30 คือ เกณฑ์ในการปรับหุ้นเข้าดัชนี VN DIAMOND จะเป็นหุ้นที่อัตราส่วน Foreign Ownership Limitation (FOL) อย่างน้อย 95% นั่นหมายถึงหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจและถือในสัดส่วนมาก ขณะที่ดัชนี VN30 ไม่มีการกำหนด ซึ่งมูลค่าตลาดของหุ้นที่ซ้ำกันในดัชนี VN30 และ VN DIAMOND มีสัดส่วนเพียง 27% จึงเหมาะสำหรับลงทุนควบคู่เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามย้อนหลัง 10 ปีเฉลี่ยอยู่ที่ราว 18% ต่อปี

3. DR “CNTECH01” อ้างอิง ChinaAMC Hang Seng TECH ETF (3088.HK) ที่ลงทุนหุ้นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกของจีนและฮ่องกงกว่า 30 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยหุ้นในดัชนี Hang Seng TECH ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตไปกับธีม New Economy ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล เช่น หุ้นกลุ่ม ATMX ที่ประกอบไปด้วย Alibaba, Tencent, Meituan และ Xiaomi เป็นต้น เหตุผลที่แนะนำทยอยสะสมในช่วงนี้เนื่องจากราคาหุ้นเทคโนโลยีของจีนได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยอนาคตยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ซึ่งสนับสนุนโดยนโยบายภาครัฐจีนจากเดิมที่เข้มงวดเรื่องการเติบโตเศรษฐกิจที่เสมอภาค

4. DR “NDX01” มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็นกองทุนอีทีเอฟ ChinaAMC NASDAQ 100 ที่ลงทุนในดัชนี NASDAQ 100 ประกอบด้วยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก 100 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงเป็นหุ้นใน Mega trend การเปลี่ยนแปลงธุรกิจของโลกในทศวรรษหน้า โดยปัจจุบันดัชนี Nasdaq 100 ได้ปรับตัวลดลงมากว่า 23.72% นับตั้งแต่ต้นปี 2565 (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.ย. 2565) ในขณะที่ Bloomberg Consensus คาดว่า กำไรต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเติบโตได้ประมาณ 18.3% ในปี 2565 โดยผลตอบแทนของดัชนี NASDAQ 100 ย้อนหลัง 10 ปีเฉลี่ยอยู่ที่ราว 16% ต่อปี

ส่วนกองทุนรวม ETF ที่ลงทุนในหุ้นไทย เราแนะนำลงทุนใน “กองทุนเปิด BCAP SET100 ETF” หรือ BSET100 ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องการซื้อขายสูง 100 อันดับแรกในตลาดหุ้นไทย เหมาะสำหรับผู้ลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวที่ต้องการผลตอบแทนใกล้เคียงผลตอบแทนของ SET100 โดยในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 12% ต่อปี

“สำหรับผู้ลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นออมหุ้นเวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนก่อนที่ราคาจะปรับตัวขึ้นเมื่อตลาดฟื้นตัว ซึ่งการออมหุ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนทบต้น ด้วย DR และ ETF ในภาวะตลาดขาลงจะทำให้ผู้ลงทุนได้จำนวนหน่วยที่มากขึ้นเมื่อตลาดปรับตัวขึ้น ซึ่งจำนวนหน่วยที่มากขึ้นก็จะสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นเช่นกัน”นายชัยพร กล่าว

ด้านนายสินธนันทน์ บุญยอด ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจดิจิทัล บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับผู้ลงทุนมือใหม่ที่ต้องการมีแนวทางในการวางแผนการลงทุนให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคตสามารถเข้าไปร่วมเล่นกิจกรรม “ออมหุ้นกี่ปีรวย” ของโครงการ “BUAJOY with The Toys เส้นทางลงทุนสำหรับมือใหม่” เพื่อลุ้นรับกระเป๋าผ้า Limited Collection ที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษจาก The Toys และ BUAJOY โดยระบบจะทำการคำนวณเงินออมหุ้นจากการกรอกข้อมูลจำนวนเงินที่ต้องการออมต่อเดือน, อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง และระยะเวลาการออม เพื่อให้ผู้ลงทุนใช้เป็นแนวทางในการลงทุนต่อไป อย่างไรก็ดีผู้ที่กำลังมองหาหลักสูตรเรียนรู้เรื่อง การลงทุนสำหรับมือใหม่เตรียมพบกับ The Stock Master ปีที่ 11 โครงการสร้างนักลงทุนคุณภาพแบบ “รู้จริงกับสนามจริง” ได้เร็ว ๆ นี้

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการ BUAJOY with The Toys เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Wealth CONNEX เลือกเมนู BUAJOY หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.bualuang.co.th/buajoy สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0-2618-1111