OR แปลงร่างเป็น RO มุ่งกำไรโตมั่นคง

HoonSmart.com>>”จิราพร ขาวสวัสดิ์” ซีอีโอคนแรกของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดใจในโอกาสที่จะเกษียณอายุวันที่ 30 ก.ย.65 ถึงผลงานที่ประทับมากที่สุด มี 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ เรื่องการเปลี่ยนสัญญากับคู่ค้า จากที่ทำไว้กับบริษัทปตท.มาเป็น OR ซึ่งได้สัญญาใหม่กลับมาทั้งหมด หมายถึงความเชื่อใจที่มีต่อ OR หลังจากแยกตัวจากหน่วยธุรกิจน้ำมันของปตท. เรื่องที่สอง คือการผลักดันให้ OR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จในปี 2564 และมีการกระจายหุ้นถึงมือประชาชนทั่วไปมากที่สุดด้วย วันแรกในตลาดหลักทรัพย์มีผู้ถือหุ้นถึง 5.3 แสนราย

“จิราพร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (รักษาการ) ยังได้เดินหน้าปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ เพื่อสร้างกำไรจากการดำเนินงาน ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) นำโดยธุรกิจน้ำมัน (Oil) ตามด้วยธุรกิจค้าปลีก(Retail) ในปัจจุบัน เป็น RO ในอนาคต ขยายการลงทุนในโอกาสจากธุรกิจใหม่และธุรกิจค้าปลีก ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าการค้าขายน้ำมัน และน้ำมันเครื่องเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงความผันผวนก็ต่ำลงด้วย

ตลอด 40 ปีที่ผ่านมาเรารู้ว่า อะไรเป็นจุดแข็ง คือ ฐานธุรกิจ บริษัทฯสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่นจำนวน 2,473 แห่ง มีผู้เข้ามาใช้บริการ 3.8 ล้านราย/วัน Cafe Amazon จำนวน  4,051 แห่ง มีผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ 7.5 ล้านสมาชิก จึงมองหาธุรกิจมาต่อยอดลูกค้าส่วนใหญ่ ที่เป็นรายย่อย  การเปลี่ยนตัวเอง เป็น RO พร้อมที่จะเปิด synergy กับทุกภาคส่วน  และขยายตลาด ทั้งในและต่างประเทศ เร็วๆนี้จะเปิด  Cafe Amazon ที่ซาอุดีอาระเบีย

ทิศทางที่จะไป ด้วย 4 กลยุทธ์
1.การเปลี่ยนพลังงานน้ำมันเป็นพลังงานสะอาด บริษัทพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้า EV Station PluZ ตั้งเป้าหมาย 7,000 แห่งในปี 2573 เพราะการอยู่ในสถานีบริการนาน ก็ใช้จ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น

2. ธุรกิจค้าปลีก บริษัทไม่ได้จำกัดอยู่ที่อาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น แต่จะมีทุกสิ่งที่อยู่ในทุกชีวิต (ไลฟ์สไตล์) เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มของ OR  โดยธุรกิจขายปลีกน้ำมัน บริษัทยังครองอันดับหนึ่ง ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด 40%ทิ้งห่างจากอันดับสอง แต่ก็ไม่ชะล่าใจ

3. Global market พันธกิจพาแบรนด์ไทย สินค้าไทยที่อยู่ใน ecosystem มีโอกาสไปต่างประเทศ พร้อม OR เมื่อมีรายได้ดี ก็จะส่งลูกเรียนการศึกษาดี ประเทศก็จะดีขึ้น

4. OR innovation ในการค้นคิดนวัตกรรมใหม่ และแนวทางใหม่ เพื่อทำให้สังคมดีขึ้น ไม่ใช่การถ่ายภาพ หรือทำพีอาร์ การปรับสินค้าและผลิตภัณฑ์อย่างไร เพื่อให้มาร่วมอยู่ในธุรกิจของเรา มีธุรกิจใหม่ เป็น JV รวมทั้งการตั้งบริษัทใหม่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งหลังของปี2565

แต่ OR ต้องเผชิญกับความท้าทาย ในการเปลี่ยนวิถีการเติบโตจาก Inside-out เป็น Outside-in ซึ่งต้องเปลี่ยน 2 ทางคือ 1.Mindset Shift มองการเปลี่ยนแปลงคือความท้าทาย และสนุกกับการเปลี่ยนแปลง และ 2. Tone from the Top ธุรกิจของ OR มุ่งมั่นเป้าหมาย Triple Bottom Line ด้วยการสื่อสาร ๆๆๆ เปิดใจรับฟัง และฟังอย่างเข้าใจ ร่วมลงมือทำ ตัดสินใจ และแก้ไขปัญหา

OR มีคนทั้งหมด 1,700 คน อายุเฉลี่ย 38 ปี โดยมีอายุเกิน 50 ปี สัดส่วน 10% จะต้องมีนวัตกรรม และเข้าใจธุรกิจ และลูกค้า จะต้องลงไปถึงผู้บริโภค

บริษัทวาง  3 เป้าหมายที่จะเดินไปให้ถึงในปี 2573  คือ 1.การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ธุรกิจและรอบพื้นที่ธุรกิจมากกว่า 15,000 ชุมชน หรือมากกว่า 12 ล้านชีวิต ปัจจุบันทำได้จำนวน 12,000 ชุมชน

2. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดปริมาณขยะที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ เพิ่มปริมาณการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งวดล้อม เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดมากกว่า 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2018

และ 3.สร้างการเติม อาชีพและกระจายความมั่งคั่งสู่คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ผู้ประกอบการขนาดย่อยและพนักงาน มากกว่า 1 ล้านราย เพื่อให้เติบโตไปพร้อมกับบริษัท

ปัจจุบันงานที่ทำมา มีทั้งเกือบถึงเป้าหมายแล้ว กับยังห่างอยู่

เชื่อว่า OR จะบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยการทำงานเป็นทีมเดียวกัน และฟังซึ่งกันและกัน ไม่ว่าซีอีโอใหม่จะเป็นใคร เพื่อให้ EBITDA ในปี 2573 จากธุรกิจน้ำมันลดลงจากสัดส่วน 75% เหลือ 35% เพิ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ 28% ธุรกิจใหม่ 24% และธุรกิจในต่างประเทศ 13% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4% เพื่อสร้างกำไรเติบโตอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น