HoonSmart.com>>เซียนหุ้น พร้อมใจ เชียร์ “ซื้อ” LEO เป้าสูงสุด 22.50 บาท คาดกำไร All Time High ต่อเนื่อง-จับตาดีล JV/M&A ครึ่งปีหลัง ปรับเป้าหมายใหม่ โต 45-50%
บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง เผยแพร่บทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท เนื่องจากมองว่าบริษัทฯ ไม่มีความกังวลในด้านค่าระวางเรือที่ปรับตัวลง เนื่องจากยังคงอยู่ในระดับสูง สามารถทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นได้
ทั้งนี้ เศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลงคาดจะส่งผลต่อปริมาณการขนส่งของลูกค้าแต่ละราย แต่ด้วยฐานลูกค้าของบริษัทฯ ที่เติบโตขึ้น จึงทำให้ปริมาณรวมของบริษัทฯ ยังคงดี อีกทั้ง LEO Self-storage#2 China Town ที่เริ่มเปิดให้บริการแล้ว ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก บริษัทฯ จึงพิจารณาเปิด LEO Self-storage แห่งที่ 3 และ 4 บวกกับธุรกิจ Warehousing Solution ที่พร้อมทำร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ คาดว่าจะเห็นชัดเจนภายในครึ่งหลังของปี 2565
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังศึกษาและจะขยายไปสู่ธุรกิจ Cold chain logistics และ ธุรกิจกัญชา ที่เป็น Non – Logistics Business โดยจะเห็นความชัดเจนภายในครึ่งปีหลัง รวมไปถึงจะเห็นดีล JV / M&A สำหรับธุรกิจใหม่ๆภายในครึ่งหลังของปีนี้ และการจับมือกับ Yunnan Tengjun จะเป็นปัจจัยสำหรับการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ในปีหน้า โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย
ขณะที่สตอรี่ น่าตื่นใจจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการนำเข้าและส่งออก ดีล JV/M&A จำนวนฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้นมาก และโอกาสในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น (แพลตฟอร์ม ZUPPORTS) จะหนุนภาพการเติบโตของ LEO ในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า คงคำแนะนำซื้อหุ้น LEO โดยปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21 บาท อิงจากข้อมูลครึ่งปีแรกรายได้และกำไรเติบโตมาก 139% และ 134% y-y ที่ 2,985 ล้านบาท และ 190 ล้านบาท ซึ่งกำไรเกือบเท่าปี 2564 ที่มีกำไร 199 ล้านบาท ประกอบกับในครึ่งปีหลังเป็น High Season และการขยายงานตามข้างต้น จึงปรับรายได้ขึ้นเป็น 6,187 ล้านบาท และปรับกำไรขึ้นจากเดิม 43% เป็น 386 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปกติในครึ่งปีหลังจะเป็น High Season ของธุรกิจที่จะมีการนำเข้า/ส่งออกทั้งของไทยและต่างประเทศ ก่อนเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากเทศกาล Global Shopping Sales ของ e-Commerce Platform ทั่วโลก เช่น เดือน ก.ค. มีเทศกาล Prime Day ของ Amazon ซึ่งยอดขายยังมีการเติบโตจากปีก่อน และจีนที่จะมีเทศกาล 9/9, 10/10 และวันคนโสด 11/11 ที่เป็นเทศกาล Shopping Sale ใหญ่ หนุนการขนส่งสินค้า e-Commerce
อีกทั้งลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีแรกอีก 385 ราย หรือ 40% จากสิ้น 2Q64 เป็น 1,125 ราย ก็มีส่วนในการเติบโตที่เพิ่มขึ้น, เปิด Self Storage แห่งที่ 2 ที่เยาวราชเรียบร้อยแล้ว, เดือน ก.ย. จะเปิด Container Depot แห่งที่ 2 ใหญ่กว่าแห่งแรกเท่าตัวและบริษัทร่วมทุน คาร์ดินัล มาริไทม์ (ประเทศไทย) ผลประกอบการดีกว่าเป้าที่วางไว้
ช่วงที่ผ่านมาทาง LEO ได้มีการประกาศพันธมิตรในการทำธุรกิจร่วมกัน เช่น SENA ทำ Self Storage แห่งที่ 3 ที่เสนาเฟสท์ เจริญนคร และศึกษาการทำแห่งที่ 4 รวมถึงศึกษาการทำ Warehouse และ บริการ Logistic Services อื่นๆ เข้าถือหุ้น 9.9% ในแซดพีเอสฯ (เครือ SCC) ให้บริการในดิจิตัลแฟลตฟอร์ม “Zupports” ทำให้การทำงานของ LEO สะดวกและรวดเร็วขึ้น และต่อยอดในการหาลูกค้าซึ่งกันและกัน
ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับ Yunnan Tengjun Multimodal Transport Holding รัฐวิสาหกิจของจีน เพื่อพัฒนาระบบบริการรถไฟสำหรับการขนส่งผลไม้และ สินค้าอีคอมเมิร์ซระหว่างไทยและจีน, ร่วมมือกับวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัยในการ สนับสนุนการเพาะพันธุ์ปลูก-ขายต้นกล้ากัญชา ซึ่งเป็นการเข้าสู่ธุรกิจ Non-Logistics
นอกจากนี้ยังมี การเจรจากับพันธมิตรอีก 2-3 ราย ทั้งบริษัทจดทะเบียนฯ และบริษัทข้ามชาติ ระดับ Regional Player เพื่อตั้ง JV ในการพัฒนาธุรกิจ Warehouse ซึ่งปีแรก คาดพื้นที่ให้บริการ 10,000 ตรม.,
Cold Chain Logistics เซ็น MOU แล้ว รอเซ็นสัญญาขนาดพื้นที่ 4,000 ตรม. และ Self Storage ซึ่ง ร่วมกับพันธมิตรและดำเนินการด้วยบริษัทเอง รวมถึงหาโอกาสในการ M&A ซึ่งน่าจะเปิดตัวได้ในปีนี้ ส่วนพันธมิตรเดิม China Post ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจอีกแห่งของจีนก็จะขยายงานระบบรางระหว่างจีน-ลาว-ไทยให้มากขึ้น
ด้านบล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายไปปี 66 ที่ 20 บาท อิง PER 20 เท่า ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายอยู่ในระดับต่ำที่ -1.5SD Downside ค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ LEO ยังคงกำไร All Time High ประเมินจากประกาศกำไร 2Q22 ที่ 100 ล้านบาท +118% YoY, +10% QoQ เติบโตโดดเด่นเป็น New High ของบริษัท แม้ว่าอัตราค่าระวางเรือปรับลดลง และปริมาณขนส่งลดลงเนื่องด้วย เป็นช่วง Low season ก็ตาม แต่ความแข็งแกร่งของห่วงโซอุปทานของบริษัทฯ รักษาอัตรากำไรได้เป็นอย่างดี
1) รายได้ขนส่งทางเรือลดลงมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท +165% YoY, -22% QoQ ลดลง QoQ จากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับลดลง และปริมาณขนส่งที่ปรับลดง จากช่วง Low season ในขณะที่ Gross Profit ขนส่งทางเรือกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น +152% YoY, +7% QoQ ด้วยความแข็งแกร่งของห่วงโซอุปทานของบริษัท 2) รายได้ขนส่งทางอากาศปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 60 ล้านบาท +14% YoY, +11% ตาม ปริมาณขนส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ได้ปรับประมาณการปี 65-66 ขึ้น เป็น 348 และ 320 ล้านบาทตามลำดับ จาก Gross margin ดีกว่าที่คาดไว้ โดยปรับ Margin ขึ้นเป็น 20-21%