NPS ทุ่ม 1,800 ลบ. ซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล BEA ในฝรั่งเศส

HoonSmart.com>> “เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย” เห็นโอกาสช่วงจังหวะค่าเงินยูโรอ่อนตัวสยายปีกลงทุนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลในต่างประเทศตามแผนงานที่วางไว้ รุกเข้าซื้อบริษัทผลิตไฟฟ้า Biomass Energies d’ Alizay (BEA) ในประเทศฝรั่งเศส วงเงิน 1,800 ล้านบาท มั่นใจคืนทุนได้ภายใน 5 ปีเศษ ตั้งเป้าสร้างฐานเพิ่มโอกาสขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในทวีปยุโรป

นายโยธิน ดำเนินชาญวนิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า BEA ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาก่อให้เกิดผลดีกับงบการเงินของ NPS โดยทันที ทั้งยังคาดการณ์ว่าจะมีโอกาสเติบโตดีจนสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 5 ปีเศษ ที่สำคัญ BEA ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 34.65 เมกะวัตต์ ยังมีศักยภาพสามารถขยายกำลังผลิตเพิ่มได้อีก 15.35 เมกะวัตต์ รวมเป็น 50 MW เนื่องจากการไฟฟ้าฝรั่งเศส หรือ EDF พร้อมที่จะรับซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามสัญญาระยะเวลา 20 ปีซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2576 และยังอนุมัติต่อสัญญารับซื้อไฟฟ้าจาก BEA ต่อไปอีกจนถึงปี 2581 เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ทำให้เกิดรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากการต่อสัญญานี้ถึง 169 ล้านยูโร หรือ 6,295 ล้านบาท และมี EBITDA เพิ่มขึ้นอีก 45 ล้านยูโร หรือราว 1,676 ล้านบาท

นอกจากนี้ BEA ยังมีสัญญาขายไอน้ำระยะยาวให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่อย่าง VPK Packaging Group ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกระดาษรีไซเคิลและกระดาษหีบห่อรายใหญ่ของยุโรปจากประเทศเบลเยี่ยม โดยคาดว่าจะเร่งการขายไอน้ำให้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 และต่อด้วยแผนการขยายกลุ่มลูกค้าไปยังโรงงานอุตสาหกรรมข้างเคียงเพิ่มเติมอีก 2-3 แห่งภายในปีนี้ อาทิ Ashland Alizay บริษัทเคมีภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่ดำเนินกิจการอยู่ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกที่มาตั้งโรงงานใหม่อยู่ทางฝั่งตะวันตกของ BEA

“สำหรับรายได้รวมของ BEA ในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ 32.3 ล้านยูโร หรือ 1,164 ล้านบาท และมี EBITDA อยู่ที่ 3.3 ล้านยูโร หรือ 179 ล้านบาท นอกจากนี้ BEA ยังมีจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งคือ มีเทคโนโลยีที่ใช้ในโรงไฟฟ้าเป็นแบบเดียวกับโรงไฟฟ้าชีวมวลของ NPS และมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าชีวมวลมาอย่างยาวนานทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตระหว่างกันได้ รวมถึงเรายังสามารถเพิ่มโอกาสในการขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศฝรั่งเศสและทวีปยุโรป โดยใช้ BEA เป็นฐานในการขยายธุรกิจได้อีกด้วย”นายโยธิน กล่าว

ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลฝรั่งเศสมีมาตรการส่งเสริมการปรับลดพื้นที่เพาะปลูก โดยเปลี่ยนจากสินค้าเกษตรมาเป็นการปลูกป่าหรือปลูกพืชพลังงานเพื่อช่วยแก้ปัญหาปริมาณสินค้าเกษตรล้นตลาด และต่อมาได้มีการออกแผนต่อเนื่องจากมาตรการแรกเป็นการส่งเสริมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน รวมถึงมีนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในราคาที่ชัดเจนและเป็นธรรม ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่รัฐบาลฝรั่งเศสทำต่อเนื่องกันมาเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุด NPS โรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใหญ่ที่สุดจากประเทศไทยคือเอกชนรายใหม่ที่เข้ามาร่วมลงทุนในตลาดดังกล่าว