HoonSmart.com>>โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี เดินหน้าโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ส่องทิศทางครึ่งหลังปี 65 มาร์จิ้นสดใส กำลังซื้อหนุน ดันออเดอร์ OEM ยอดคำสั่งซื้อทะลัก จ่อคลอดโปรดักต์กัญชงปลายปีนี้ Q2/65 มีรายได้ 98.93 ลบ. ขาดทุนสุทธิ 11.85 ลบ. กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และมีค่าใช้จ่ายการโฆษณาสร้างการรับรู้ของแบรนด์ระยะยาว
ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JP) ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะเป็นไฮซีซันของธุรกิจ อีกทั้งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จากเจ้าของแบรนด์ซึ่งเจรจากันในช่วงครึ่งปีแรก สินค้าจะถูกผลิตและนำออกสู่ตลาดในครึ่งปีหลังจำนวนมาก และคาดว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะกลับมาและส่งผลให้ออเดอร์ OEM เพิ่มขึ้นสอดคล้องกันไป อีกทั้งคาดว่าอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) จะเห็นภาพชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทมั่นใจว่าทั้งปี 2565 ผลงานจะปรับตัวดีขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้
ขณะที่เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา สำนักงาน อย.ได้อนุมัติใบอนุญาตการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือโปรตีนจากเมล็ดกัญชง และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชาหรือกัญชง ในรูปแบบของเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท ผลิตภัณฑ์ของนม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หมากฝรั่งและลูกอม กาแฟและชา รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสารสกัดแคนนาบิไดออลเป็นส่วนประกอบในรูปแบบดอกเม็ด และแคปซูล ส่วนการขึ้นทะเบียนโรงงานสกัดสาร CBD คาดจะได้รับการอนุมัติจากอย. ในช่วงไตรมาส 3/2565 นี้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อนุมัติให้เพิ่มไลน์ผลิตยาสมุนไพรแบบ Soft Gel (แคปซูลนิ่ม) ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีไลน์ผลิตยาแบบ Soft Gel ทั้งหมด 2 ไลน์ผลิต แบ่งออกเป็นไลน์อาหารเสริมและยาแผนปัจจุบัน จากโอกาสครั้งนี้เชื่อมั่นจะสามารถรับออเดอร์จากลูกค้าได้มากขึ้น
ปัจจุบันสัดส่วนเจ้าของแบรนด์มีออเดอร์เกิน 50% บริษัทจะเน้นการผลิตสินค้าให้เจ้าของแบรนด์ เพราะมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูง ส่วนการรับจ้างผลิต (OEM) บริษัทมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์สินค้าภายใต้ แบรนด์ของตัวเอง (Own Brand) คาดปีนี้จะเติบโตสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากบริษัทมีผลิตภัณฑ์ Own Brand ติดตลาด และสามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ค่อนข้างสูง ในอนาคต คาดสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ Own Brand จะเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ OEM ที่ 50:50 จากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายที่ 37.2%
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการวิจัย ผลิตและจำหน่ายยา และอาหารเสริมครบวงจร โดยร่วมมือสถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาสินค้าภายใต้ Own Brand
“แผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้ามุ่งสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และมีฐานการผลิตของโรงงานทั้ง 2 แห่ง ภายใต้มาตรฐานการผลิตยา (GMP PIC/s) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข รองรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชา” ดร.สิทธิชัย กล่าว
ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตผลิต (ที่มิใช่การปลูก) ยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 เฉพาะกัญชง เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากขยายโรงงานที่จังหวัดลำพูน และติดตั้งเครื่องจักรสกัดกัญชาและกัญชง สามารถผลิตสารสกัด น้ำมันกัญชา, full spectrum, board spectrum, CBD isolate, water soluble CBD isolate ซึ่งเป็นสารสกัดบริสุทธิ์ที่ละลายน้ำได้ โดยมีกำลังการผลิต 300 กิโลกรัม รองรับความต้องการลูกค้ากลุ่ม OEM กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงนำสารสกัดที่ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ Own Brand
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 98.93 ล้านบาท ลดลง 12.1% ผลขาดทุนสุทธิ 11.85 ล้านบาท ใกล้เคียงงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้และกำไรที่ลดลงมีสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทำให้ค่าครองชีพของผู้บริโภคสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2565 ผู้บริโภคจึงมีความต้องการสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดลงเพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และมีค่าใช้จ่ายการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักถึงตรายี่ห้อ โดยบริษัทคาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะทำให้ขยายฐานลูกค้าได้ในระยะยาว อีกทั้งมองครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากธุรกิจ OEM และการเปิดตัวสินค้าใหม่พร้อมบุกตลาด