HoonSmart.com>> กลุ่ม “ดร.สาธิต วิทยากร” เทขายหุ้น PRINC บิ๊กล็อต 200 ล้านหุ้น ราคา 6.98 บาท/หุ้น ให้กองทุน หวังแก้ Free float ต่ำ มุ่งเข้าดัชนีหุ้นยั่งยืน (THSI) ด้านราคาหุ้นร่วงแรงกว่า 19% หลังขายต่ำกว่ากระดาน
วันที่ 24 ส.ค.2565 กลุ่ม ดร.สาธิต วิทยากร ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ทำการขายหุ้น PRINC บิ๊กล็อต 200 ล้านหุ้น ที่ราคา 6.98 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคาปิด ณ เมื่อวาน (23 ส.ค. 65) ที่ปิดราคาสูงสุดของวัน 9.50 บาทต่อหุ้น บวก 25.00%
ด้านราคาหุ้น PRINC เปิดปรับตัวลดลงแรง ล่าสุด ณ เวลา 12.07 น. อยู่ที่ 7.65 บาท -1.85 บาท หรือ -19.47% มูลค่าการซื้อขาย 5,372.57 ล้านบาท
นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ผู้ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพในนามเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ กล่าวถึง ประเด็นดังกล่าว เป็นประเด็นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ สอดคล้องตามแผนการของบริษัทเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของทางตลาดหลักทรัพย์ และมุ่งหน้าเข้าสู่การคำนวณในดัชนีหุ้นยังยืน (THSI) โดยการปรับปรุงการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลาดหลักรัพย์แห่งประเทศไทยที่กำหนดจะต้องมีรายย่อยไม่ต่ำกว่า 15%
ก่อนหน้านี้ มีกลุ่มผู้ลงทุนสถาบันและนักลงทุนหลายรายเข้ามารับฟังและติดตามข้อมูลผลการดำเนินงาน และทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ที่ยังคงมุ่งเป้าขยายโรงพยาบาลจำนวนรวม 20 แห่ง ภายในระยะ 2 ปีข้างหน้า หรือไม่เกินปี 2567 จากปัจจุบันมีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 13 แห่งเปิดดำเนินการแล้ว 12 แห่งใน 10 จังหวัด ซึ่งตามแผนของบริษัทมีการจัดสรรงบลงทุนประมาณ 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในโรงพยาบาลจังหวัดเมืองรอง มุ่งเน้นการขยายในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคกลาง เป็นยุทธศาสตร์หลัก และด้วยทำเลที่ตั้งของโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (บางนา กม.7) ซึ่งไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้มีแนวโน้มการเติบโตของจำนวนผู้ป่วยต่างชาติตามการเปิดประเทศ รวมทั้งโรงพยาบาลในแถบภาคอีสาน ทั้งโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานีและโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ ที่รับผู้ป่วยประเทศเพื่อนบ้าน หลังผ่อนปรนการข้ามแดนจากทั้งสปป.ลาว และกัมพูชา
สำหรับบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพในนามเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ นอกจากโรงพยาบาลทั้งหมด 12 แห่งใน 10 จังหวัดแล้ว ยังดำเนินธุรกิจคลินิกใกล้บ้านใกล้ใจ 17 แห่งและคลินิกเสริมความงาม ผิวดีคลินิกอีก 11 แห่ง ตั้งเป้าเป็นโรงพยาบาลยั่งยืน (Sustainable hospital) ในปี 2566 นับเป็น 1 ในเครือโรงพยาบาลที่มีการขยายการเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย