HoonSmart.com>> หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นขยับขึ้นยกแผง นำโดย ESSO-SPRC รับผลบวกจากรัฐบาลออกพ.ร.ก. ค้ำประกันกองทุนน้ำมันกู้เงิน ซึ่งกำหนดให้กระทรวงการคลังสามารถค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้วงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท ส่งผลให้เรื่องที่รัฐบาลขอความร่วมมือโดยสมัครใจเลื่อนหายไป และค่าการกลั่นก็ปรับตัวขึ้นด้วย
เมื่อเวลา 11.42 น.หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นขยับขึ้นยกแผง นำโดยหุ้น ESSO บวก 3.45% มาอยู่ที่ 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 214.36 ล้านบาท
หุ้น SPRC บวก 2.44% มาอยู่ที่ 12.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 220.31 ล้านบาท
หุ้น BCP บวก 1.59% มาอยู่ที่ 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 165.53 ล้านบาท
หุ้น TOP บวก 1.34% มาอยู่ที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 711.02 ล้านบาท
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีต่อเนื่องจากวานนี้ หลังจากที่รัฐฯออกพ.ร.ก.ค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้แรงกดดันลดลง ซึ่งตีความได้ว่ารัฐฯน่าจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ทำให้กลุ่มโรงกลั่นไม่ต้องช่วยเหลือแล้วหลังจากที่รัฐฯได้ขอความช่วยเหลือก่อนหน้านี้และค่าการกลั่นล่าสุด(ปิด 16 ส.ค.)ก็ได้ปรับตัวขึ้นมาด้วยเป็น 11.16 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเมื่อวานนี้ค่าการกลั่น(ปิด 15 ส.ค.)ที่ 10.11 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองว่า รัฐบาลออกพ.ร.ก. ค้ำประกันกองทุนน้ำมันกู้เงิน พระราชกำหนดดังกล่าวกำหนดให้กระทรวงการคลังสามารถค้ำประกันเงินกู้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้วงเงินไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท โดยพระราชกำหนดจะถูกส่งไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับรอง และหลังจากนั้นกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเริ่มกู้ยืมเงิน ทั้งนี้ ณ วันที่ 16 สิงหาคม กองทุนเชื้อเพลิงน้ำมันรายงานผลขาดทุนจำนวน 1.17 แสนล้านบาท ประกอบด้วยน้ำมัน 7.65 หมื่นล้านบาท และ LPG 4.09 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่มีมุมมองเชิงบวกต่อโรงกลั่นในประเทศเกี่ยวกับข่าวนี้ เนื่องจากคำขอเบื้องต้นของรัฐบาลที่ขอความร่วมมือโดยสมัครใจให้กลุ่มโรงกลั่นร่วมบริจาคมีแนวโน้มว่าจะเลื่อนหายไป เพราะอาจไม่มีกฎหมายรับรอง ซึ่งประเทศไทยมีโรงกลั่น 6 แห่งได้แก่ SPRC, ESSO, TOP, BCP, IRPC และ PTTGC