บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลและคืนเงินลดทุนกองทุน ABPIF รวม 0.7200 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 432 ล้านบาท จ่ายเงิน 28 ก.ย.นี้ มองแนวโน้มครึ่งปีหลังคาดผลตอบแทนดีต่อเนื่อง ชี้ 6 เดือนแรกอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 8.96%
นายวิทวัส อัจฉริยวนิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 8.00 น. ของวันที่ 12 กันยายน 2561 (XD Date) ในอัตรา 0.2067 บาทต่อหน่วย พร้อมกันนี้กองทุนได้ดำเนินการลดทุนจดทะเบียนของกองทุนรวมครั้งที่ 10 และจะจ่ายคืนผลตอบแทนส่วนลดทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในอัตรา 0.5133 บาทต่อหน่วย ทำให้ผู้ลงทุนจะได้รับทั้งในส่วนเงินปันผลและเงินลดทุน รวมเป็นเงินอัตรา 0.7200 บาทต่อหน่วย คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 432 ล้านบาท และมีกำหนดจ่ายปันผลและคืนเงินลดทุนในวันที่ 28 กันยายน 2561
“สำหรับรอบผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค. 61 – 30 มิ.ย. 61) กองทุน ABPIF มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 8.96% และมีการจ่ายปันผลนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนแล้วทั้งสิ้น 10 ครั้ง รวมเป็นเงินอัตรา 3.7277 บาทต่อหน่วย โดยกองทุนมีกำไรสุทธิก่อนการปรับปรุงด้วยมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น 206.87 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.3448 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้กองทุน ABPIF เป็นการลงทุนในสัญญาโอนผลประโยชน์จากการประกอบกิจการไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ที่มีรายได้หลักมาจากการทำสัญญาระยะยาวในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งสัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จะสิ้นสุดลงใน เดือนกันยายน 2562 ในขณะที่ สัญญาโอนผลประโยชน์ของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 จะมีอายุคงเหลือจนถึงปี 2565” นายวิทวัสกล่าว
ส่วนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2561 นายวิทวัสกล่าวว่า ยังคงคาดการณ์ว่ากองทุนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง พิจารณาจากแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยทั้งปีไว้ที่ร้อยละ 4.2 – 4.7 ตามการประมาณการของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบต่อผลการดำเนินงานในปี 2561 ได้แก่ ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งแปรผันตามการเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด และมีความผันผวนค่อนข้างสูง จึงเป็นตัวแปรที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด” นายวิทวัสกล่าว