HoonSmart.com>>สภาพัฒน์เผยเศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/65 ขยายตัว 2.5% ต่อเนื่องจากไตรมาสแรกโต 2.3% จากการเร่งตัวของการอุปโภค-บริโภคภาคเอกชน ภาคบริการ นักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวสูง ปรับเป้าเศรษฐกิจปี 65 โต 2.7-3.2% เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 6.3-6.8% GDP ฟื้นตัว ส่งผลดีต่อกลุ่มแบงก์ ยก KBANK เด่น ท่องเที่ยว-ค้าปลีก-ส่งออกอาหาร ชู GFPT กำไรครึ่งปีหลังโต ด้านหุ้นบวก 2.99 จุด ต่างชาติซื้อมากถึง 5,775 ล้านบาท
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ใน ไตรมาสที่ 2/2565 ขยายตัว 2.5% ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัว 2.3% ในไตรมาสที่ 1 รวมครึ่งปีแรกขยายตัว 2.4% ทำให้มีการปรับประมาณการในปี 2565 ขยายตัวในช่วง 2.7-3.2% จากประมาณการเดิมคาดไว้ที่ 2.5-3.5% สูงขึ้นจากระดับ 1.5%ในปี 2564 โดยมีค่ากลางการประมาณการปีนี้อยู่ที่ 3.0% เท่ากับครั้งที่ผ่านมา และปรับอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาอยู่ในช่วง 6.3-6.8% จากเดิมคาดไว้ 4.2-5.2% ขณะที่ไตรมาส 2 เงินเฟ้อขยายตัว 6.5%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไตรมาสที่ 2/2565 ฟื้นตัวต่อเนื่องมาจากการอุปโภค-บริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 6.9% เร่งตัวขึ้นจากการขยายตัวที่ 3.5 ในไตรมาสที่ 1 โดยหมวดสินค้ากึ่งคงทนขยายตัวต่อเนื่อง แต่หมวดสินค้าไม่คงทนยังชะลอตัวลง ด้านการอุปโภคภาครัฐ ขยายตัว 2.4% แต่การลงทุนภาครัฐ ลดลง -9% รวมถึงภาคบริการขยายตัว 4.6% นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัวสูง
ด้านการส่งออกและการนำเข้าสินค้ายังคงขยายตัวได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรคระบาดในหลายประเทศ อีกทั้งภาวะเงินบาทอ่อนค่าลง
“เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ยังฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง มาจากการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และการส่งออก ภาคบริการที่ขยายตัวเร่งขึ้น แม้การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนภาคเอกชนจะชะลอตัวลงบ้าง” เลขาธิการสภาพัฒน์ระบุ
นายดนุชากล่าวว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 ในกรอบบนจากเดิม 3.5% ลงมาเหลือ 3.2% เนื่องจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงมีอยู่ รวมทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน-ไต้หวัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
นอกจากนี้ สภาพัฒน์ยังได้ปรับสมมติฐานสำคัญที่นำมาใช้ในการประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ใหม่ ได้แก่ 1. เศรษฐกิจโลก ขยายตัว 3.3% (เดิม 3.5%) 2.ปริมาณการค้าโลก ขยายตัว 4.3% (เดิม 4.7%) 3.อัตราแลกเปลี่ยน 34.50-35.50 บาท/ดอลลาร์ (เดิม 33.30-34.30 บาท/ดอลลาร์) 4.รายรับจากนักท่องเที่ยว 6.6 แสนล้านบาท (เดิม 5.7 แสนล้านบาท) คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 9.5 ล้านคน (เดิม 7 ล้านคน)
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรกที่ขยายตัว 2.4% จากการเร่งตัวขึ้นของการบริโภคภาคเอกชน และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย รวมทั้งความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาพลังงาน สถานการณ์อุทกภัย และการระบาดของไวรัสโควิดและฝีดาษลิง ยังเป็นข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ได้
“อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้ต้นทุนของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอลงบ้าง แต่ตอนนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็กลับมาใกล้เคียงปกติแล้ว แต่อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จะต้องมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้เศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อได้ ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อเชื่อว่าจะเริ่มทยอยปรับลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง ความผันผวนจากราคาน้ำมันเริ่มลดลง” นายดนุชา ระบุ
เลขาธิการสภาพัฒน์ ยังกล่าวถึงเม็ดเงินที่ยังคงเหลือใน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า ขณะนี้ยังมีวงเงินคงเหลืออีกราว 4 หมื่นกว่าล้านบาท ต้องนำไปใช้จ่ายในด้านการรักษาพยาบาล และค่ายาสำหรับผู้ป่วยโควิดในอนาคต เหลือกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากนัก ดังนั้น การทำมาตรการจะต้องตรงเป้าหมายและเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
ด้านตลาดหุ้นวันที่ 15 ส.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,625.25 จุด เพิ่มขึ้น 2.99 จุด หรือ +0.18% มูลค่าซื้อขาย 72,517.63 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 5,774.63 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยขาย 3,266.57 ล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,455.33 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,052.73 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2/2565 ฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร แนะนำ KBANK เนื่องจากได้เข้า MSCI และยังให้สินเชื่อด้านการท่องเที่ยวสูงสุดด้วย ซึ่งกลุ่มท่องเที่ยวก็น่าสนใจลงทุน รอบนี้สภาพัฒน์ได้ปรับเพิ่มประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็น 9.5 ล้านคน จากเดิม 7 ล้านคน ทำให้หุ้นในกลุ่มโรงแรมน่าสนใจ อย่าง ERAWAN และ CENTEL
นอกจากนี้ กลุ่มภาคการบริโภคก็น่าสนใจ อย่างกลุ่มค้าปลีก และพวกที่เชื่อมโยงกับกลุ่มส่งออก ที่ไม่ใช่อิเล็กทรอนิกส์ เช่น กลุ่มอาหาร ที่การเติบโตยังดีต่อเนื่อง แนะนำหุ้น GFPT กำไรยังดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง