MAKRO กำไรสุทธิ Q2/65 โต 22.2% รับรายได้จากการขายพุ่ง 110.7%

HoonSmart.com>>”สยามแม็คโคร”(MAKRO) แจ้งไตรมาส 2/65 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 1,572.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,287.12 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 113,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59,550 ล้านบาท หรือ 110.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 5,596 ล้านบาท หรือ 10.4% จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแม็คโครในไทย-ต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลายลง

บริษัท สยามแม็คโคร (MAKRO) แจ้งว่า ผลดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 1,572.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,287.12 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรต่อหุ้น 0.27 บาท

พร้อมอธิายว่า กำไรสุทธิไตรมาส 2/65 จำนวน 1,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 286 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.2 เป็นผลจากกำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจค้าส่งจำนวน 1,356 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจำนวน 217 ล้านบาท

ในไตรมาส 2/65 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 113,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 59,550 ล้านบาท หรือร้อยละ 110.7 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการรวมกิจการกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2564 ประกอบกับการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่งจำนวน 5,596 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.4 จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย ประกอบกับการเติบโตของธุรกิจแม็คโครต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่คลี่คลายลง

นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,451 ล้านบาท รายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 3,118 ล้านบาท และรายได้อื่นจำนวน 531 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นจำนวน 5,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,957 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 346.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักมาจากรายได้ค่าเช่าและการให้บริการศูนย์การค้าของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจำนวน 3,015 ล้านบาท ดังนั้น ในไตรมาส 2/65 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 118,463 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 63,507 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 115.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ในไตรมาส 2/65 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนการเช่าและการให้บริการ จำนวน 1,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 1,485 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการเช่าและการให้บริการของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ขณะที่ ต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมทั้งสิ้น 15,776 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมเท่ากับร้อยละ 13.3 โดยเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 11,231 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 247.2 เป็นผลมาจากต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรวมทั้งสิ้น 10,472 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มธุรกิจค้าส่งเพิ่มขึ้นจำนวน 759 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นตามจำนวนสาขา ค่าบริการจัดส่งสินค้า (Delivery) เนื่องจากการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ค่าภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มขึ้นจากการเรียกเก็บเต็มจำนวนเมื่อเทียบกับปีก่อนที่เรียกเก็บเพียงร้อยละ 10.0 ค่าใช้จ่ายของธุรกิจใหม่ B2B Marketplace (โครงการ Maknet) ตามแผนงานกลยุทธ์และค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้นจากการจัดงานโชห่วยประจำปีในไตรมาสนี้