หุ้นเลือกข้าง1,570 หรือ1,620 จุด จับตากนง.-ฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยคาดหุ้นสัปดาห์หน้า แกว่งในกรอบ 50 จุด ตาม 3 ปัจจัย  ด้านธนาคารกสิกรไทยคาดเงินบาทเคลื่อนไหวในช่วง 35-36 บาท/ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 35.55 บาท 

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (8-12 ส.ค.65) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,580 และ 1,570 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,610 และ 1,620 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (10 ส.ค.) ผลประกอบการงวด 2Q/65 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. ของจีน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. ของญี่ปุ่น ตลอดจนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน

ในวันศุกร์ (5 ส.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,601.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.57% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 64,109.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.38% ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 5.41% มาปิดที่ 612.89 จุด

ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ช่วงต้นสัปดาห์ดีดตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และส่งสัญญาณชะลอขนาดการขึ้นดอกเบี้ยในระยะต่อไป อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นย่อตัวลงสั้นๆ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีนในประเด็นไต้หวัน และหุ้นไทยกลับมาทยอยปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับประเด็นสหรัฐฯ-จีน ประกอบกับมีแรงซื้อต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและไฟแนนซ์เข้ามาช่วยหนุน

สำหรับค่าเงินบาท สัปดาห์ถัดไป (8-12 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 35.00-36.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ในวันศุกร์ที่ 5 ส.ค. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ (หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 35.55 บาท) เทียบกับระดับ 36.81 บาท ในวันพุธก่อนหน้า (27 ก.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 1-5 ส.ค. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 4,125 ล้านบาท ขณะที่มีสถานะเป็น NET OUTFLOW ออกจากตลาดพันธบัตร 1,074 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 6,737 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 7,811 ล้านบาท)

เงินบาทพลิกแข็งค่าผ่านแนว 36.00 บาท ไปแตะระดับ 35.55 บาท ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน โดยเงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ตามภาพรวมของสกุลเงินในเอเชียท่ามกลางสัญญาณตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในประเด็นเรื่องไต้หวัน ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงประคองจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายที่ให้ความเห็นว่า ทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะยังคงต้องปรับขึ้นต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกแข็งค่าในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงตามการย่อตัวของบอนด์ยีลด์ระยะยาวของสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อสัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ เงินบาทยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมก่อนการประชุมกนง. ในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งถูกคาดหมายว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย หลังจากดอกเบี้ยทรงตัวที่ระดับ 0.50% ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนพ.ค. 2563