HoonSmart.com>>”แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์” โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 2 ปีนี้ 147.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.86% รายได้จากการขายพุ่งขึ้น 57.49% ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้น XD 17 ส.ค. “โอภาส ศรีพยัคฆ์” เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามแผน Turnaround ครึ่งปีหลัง เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 6,700 ล้านบาท คงเป้ายอดขายทั้งปีแตะ 13,000 ล้านบาท บริษัทมีงบซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาท
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 147.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 64 ที่มีกำไร 120.99 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้นในไตรมาส 2/65 ที่ 0.10 บาท เพิ่มขึ้นจากงวเดียวกนของปี 64 ที่ 0.08 บาท
ในไตรมาส 2/65 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 21.86% เกิดจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 57.49% แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากโครงการอาคารชุดพักอาศัย สัดส่วน 62% และอีก 38% เป็นโครงการบ้านพักอาศัย ส่วนรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น 9.35% จากสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ลดลง ทำให้เกิดการเช่าเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าบริหารเพิ่มขึ้น 18.04% จากการรับบริหารโครงการ งานบริการทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริการอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนกำไรสุทธิของงบเฉพาะบริษัทเพิ่มขึ้น 20 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทย่อยได้มีการจ่ายปันผลจำนวน 556 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้จ่ายปันผลระหว่างกาลปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 18 ส.ค. 2565 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 17 ส.ค. 2565 วันที่จ่ายปันผล 1 ก.ย. 2565
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวล ลอปเมนท์ เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ว่า ถึงแม้เศรษฐกิจจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรืออาจถึงขั้นถดถอยและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประมาณ 0.25-0.5% แต่ LPN ยังคงเดินหน้าเปิดตัวโครงการตามแผนที่วางไว้มูลค่ารวม 13,700 ล้านบาท และยอดขายไม่น้อยกว่า 13,000 ล้านบาทในปี 2565
ในปี 2565 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 13,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 6 โครงการ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และ โครงการบ้านพักอาศัย 4 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกปี มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ทำให้มียอดขายรวม(Presale) 4,800 ล้านบาท เติบโต 17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 คิดเป็นสัดส่วน 37% ของเป้าหมายทั้งปี 13,000 ล้านบาท
“ ครึ่งปีแรก บริษัทฯมียอดรับรู้รายได้ อยู่ที่ 4,190.74 ล้านบาท เติบโต 50% คาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง เรายังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ผู้ซื้ออาจจะปรับลดงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะไม่แน่ใจรายได้ในอนาคต ที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อหน่วย ยังคงมีแนวโน้มเติบโตทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัย เนื่องจากตอบโจทย์ความต้องการและอยู่ในงบประมาณของผู้ซื้อที่มีรายได้ระดับกลางถึงสูงได้เป็นอย่างดี” นายโอภาส กล่าว
นอกจากนั้น ถึงแม้ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเผชิญกับปัจจัยลบหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม แต่การที่กฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้และการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มจำนวน ในปี 2565 ด้านหนึ่งทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ มีต้นทุนทางการเงินที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสำหรับที่ดินเปล่าและสินค้าคงเหลือที่มีอยู่แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นปัจจัยบวกที่ทำให้เจ้าของที่ดิน (Landlord) ยอมที่จะขายที่ดินออกมาในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อลดภาระการถือครองที่ดิน เป็นจังหวะที่ดีในการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการในอนาคต โดย LPN มีงบในการซื้อที่ดิน 4,000 ล้านบาทในปี 2565 และได้ลงทุนซื้อที่ดินไปแล้ว 1,400 ล้านบาท และมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 2,600 ล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
“ปี 2565 เป็นปีที่เราเดินหน้าการทำธุรกิจเต็มสูบ หลังจากที่ชะลอแผนการลงทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อที่จะสร้างสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ และสร้างฐานเพื่อการรับรู้รายได้ตามแผนยุทธศาสตร์ที่จะสร้างยอดขายแตะระดับ 20,000 ล้านบาทในปี 2569 ด้วยการเปิดตัวและพัฒนาโครงการใหม่ให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมายและในทุกทำเลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล” นายโอภาส กล่าว