BDMS-BCH ส้มหล่น ตะวันออกกลางแห่เที่ยวไทย

HoonSmart.com>>บล.โนมูระฯยก 2 โรงพยาบาล รับเต็มๆ นักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมาไทย และค่าเงินบาทอ่อน “กรุงเทพดุสิตเวชการ”ยังรับลูกค้าได้อีกมาก ให้ราคาเป้าหมาย 29.3 บาท “บางกอก เชน ฮอสปิทอล” ตีมูลค่าเหมาะสม 23.7 บาท นายกฯ เผยคลังคาดเศรษฐกิจปี 66 โต 4.2% เงินเฟ้อ 2.5% นักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึง 19 ล้านคน เพิ่มจากปีนี้อยู่ที่ราว 6 ล้านคน

บล.โนมูระ พัฒนสิน วิเคราะห์ว่า ค่าเงินบาทอ่อนและนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเร่งมาไทย มีสัญญาณบวกต่อบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ให้มูลค่าเหมาะสม 29.3 บาท และบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) มูลค่าเหมาะสม 23.7 บาท แนะนำซื้อลงทุน

ทั้งนี้ประเด็นหนุนหลักมาจากปี 2565 เป็นปีที่ตะวันออกกลางมี Wealth Effect จากราคาน้ำมันสูงต่อเนื่องเป็นปัจจัยบวกต่อกำลังซื้อกลุ่มนี้ เห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเข้าไทยเร่งตัวขึ้น ล่าสุด เดือน พ.ค. 2565 เข้าไทย 39,018 ราย มากกว่าในช่วงเดือนพ.ค. 2562 ที่เข้ามาเพียง 20386 คน (ก่อนโควิด-19) เป็นสัญญาณบวก และคาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางมักเข้ามารักษาพยาบาลในไทยเร่งตัวช่วงไตรมาส 3 โดยปกติจะเข้ามาเที่ยวราว 80,000 – 1 แสนรายต่อเดือนในไตรมาส 3 สัดส่วนรายจ่ายราว 7-8 พันล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ในวงจรค่าเงินบาทอ่อนค่ามักหนุน นักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเข้าไทยมากกว่าช่วงเดียวกันในภาวะปกติ

นอกจากนี้ ประเทศไทยทยอย Reopening และผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศต่อเนื่อง รับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กอรปกับความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียที่กลับมามีความสัมพันธ์เชิงบวกครั้งแรกในรอบ 32 ปีจะเป็นปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยว/ภาคบริการ ต่อเนื่อง รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นแรงสนับสนุนการท่องเที่ยวบริการ โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลที่ค่ารักษาพยาบาลถูกและมีคุณภาพ ซึ่งเริ่มสะท้อนในหลายแง่มุมบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล

ปัจจุบัน BDMS มีรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ(ตะวันออกกลาง) สัดส่วน 1.2% เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 มีสัดส่วน 5% สะท้อน Upside ที่จะเร่งตัวขึ้นในช่วงถัดไป มูลค่าเหมาะสม 29.3 โดย Forward PER 1 ปียังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตราว 5%-10% ล่าสุดราคาปิดที่ 27บาท เช่นเดียวกัน BCH มูลค่าเหมาะสม 23.70 บาท มีรายได้ผู้ป่วยตะวันออกกลาง ปัจจุบัน 7% เทียบกับปี 2562 สัดส่วน 8% แต่เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลสำหรับต่างชาติจึงประเมินมี Potential Upside โดย Forward PER1 ปียังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตราว 10%-15% ราคาหุ้นปิดที่ 20.60 บาท บวก 0.40 บาทหรือ +1.98%

ส่วน BH รายได้จากผู้ป่วยตะวันออกกลางปัจจุบัน 15% เทียบกับก่อนเกิดโควิดอยู่ที่ราว 20% แนะนำเก็งกำไร เนื่องจากราคาสะท้อนมาแล้วระดับหนึ่ง และซื้อขายในระดับ Forward PER 1 ปี ใกล้เคียงในอดีตแล้ว

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมตรีว่า กระทรวงการคลัง รายงานสถานการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี2566 โดยคาดว่าจะเติบโตได้ 4.2% จากปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 3.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคภาคเอกชน และกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยมากขึ้นภายหลังจากการเปิดประเทศ โดยประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 2566 จะเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน ขณะที่ปีนี้อยู่ที่ราว 6 ล้านคน

สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6.2% ซึ่งเป็นภาวะที่หลายประเทศทั่วโลกยังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูง ส่งผลถึงราคาพลังงาน และส่งผ่านไปยังต้นทุนราคาสินค้าต่างๆ ในขณะที่คาดว่าปี 66 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 2.5% พร้อมคาดว่าการส่งออกไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 7.9% และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปี 2566 แต่ยังมีปัจจัยผันแปรที่สำคัญคือเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักสำคัญ