สรท.เล็งเพิ่มเป้าส่งออกทั้งปีโต10% หุ้นกลุ่มอาหารบวก

HoonSmart.com>>สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เล็งปรับเป้าส่งออกปีนี้จากโต 6-8% ลุ้น 2 Digit จากสัญญาณบวกครึ่งปีหลัง เสนอธปท.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5%  แบงก์ออกแคมเปญช่วยเติมสภาพคล่องผู้ประกอบการ  ด้านหุ้นส่งออกอาหาร ราคาปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด TU,CFRESH,ASIAN 

นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า สรท.จะมีการปรับประมาณการส่งออกในปี 2565 ใหม่อีกครั้งจากปัจจุบันคาดกว่าจะขยายตัวราว 6-8% และมั่นใจว่าการส่งออกจะยังเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง มีโอกาสโตเกิน 7%

“มั่นใจว่าขั้นต่ำได้ 6-8% แน่นอน และพยายามจะสู้ให้ได้ถึง 10% ปีหน้ามีลุ้นยอดส่งออกแตะ 3 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต้องดูความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง แต่เป้า 2 digit มีลุ้น  ” นายชัยชาญ ระบุ

สำหรับภาพรวมการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.65) มีมูลค่า 149,184.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 155,440.7 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 21% และคาดว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค.65) ยังสามารถเติบโตได้ในระดับ 7% ภายใต้สมมุติฐานเงินบาทอยู่ที่ 34-36 บาท/ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 100-115 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลายภายในไตรมาส 4 จะช่วยให้ยานยนต์กลับมาเป็นสินค้าส่งออกหลัก

อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่  เช่น สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อโลกที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง IMF คาดการณ์เงินเฟ้อปี 2565 ประเทศพัฒนาแล้วเฉลี่ยอยู่ที่ 6.6% และประเทศกำลังพัฒนาอยู่ที่ 9.5% ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง รวมถึงราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง  ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลยังทรงตัวในระดับสูง แม้เริ่มมีการปรับลดลงในหลายเส้นทางก็ตาม  ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์, เหล็ก, ธัญพืช

ทั้งนี้ สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญคือ1.ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยคงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% เพื่อประคองให้การฟื้นตัวภาคธุรกิจยังคงดำเนินการได้ และไม่เป็นการซ้ำเติมรายจ่ายของผู้บริโภคและต้นทุนของผู้ประกอบการมากเกินไป และให้ธนาคารพาณิชย์เร่งออกแคมเปญเพื่อช่วยเติมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการส่งออกตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต

2.เร่งสร้างโอกาสทางการในตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญ เช่น CLMV รวมถึงตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เช่นกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซาอุดิอาระเบีย อิรัก เป็นต้น

3.รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไป

ด้านราคาหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาด  อาทิ TU ปรับตัวขึ้น 0.30 บาทหรือ +1.84% อยู่ที่ 16.60 บาท CFRESH เพิ่มขึ้น 0.10 บาทหรือ +3.07% ซื้อขายที่ 3.36 บาท ASIAN บวก 3.77% หรือ 0.60 บาทซื้อขายที่ 16.50 บาท ณ เวลาประมาณ 12.02 น. วันที่ 2 ส.ค.2565