DELTA หุ้นนวัตกรรมเด่นติดอันดับโลก ราคาวิ่งแซง เป้าใหม่นักวิเคราะห์

HoonSmart.com>>”DELTA” ติดปีกบินสูง ทั้งราคาหุ้น-กำไร “อนุสรณ์”ลั่น ยังโตอีกไกล บริษัทมีสิ่งสำคัญ “นวัตกรรม” สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกปี มีอัตรากำไรสูง ชูกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าติดอันดับชั้นนำโลก ถึงเวลาโกยเงินจากยุโรป จ่อทุ่มลงทุนวิจัย-พัฒนา เพิ่มกำลังการผลิตปลายปี 65 บนที่ดินแปลงใหม่ 50 ไร่ ธุรกิจอื่นๆ ก็วิ่งไปข้างหน้า ต่างชาติซื้อหุ้นเพิ่ม มองเห็นอนาคตสุดหรูชัดแจ๋ว หุ้นร้อนแรงวันเดียวดันมาร์เก็ตแคปเพิ่มพรวด 1.32 แสนล้านบาท เป็นเฉียด 6 แสนล้านบาท ราคาปิด 474 บาท ทะลุเป้าหมายใหม่ที่นักวิเคราะห์เพิ่งตีมูลค่าเพิ่ม

วันที่ 27 ก.ค. 2565 หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ซื้อขายร้อนแรงเกินคาด ราคาดีดขึ้นชนซิลลิ่ง 30% ที่ระดับ 478 บาท ก่อนปิดที่ 474 บาท พุ่งขึ้น 106 บาท หรือ +28.80% มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 6,502 ล้านบาท เพียงวันเดียวมาร์เก็ตแคปกระโดดขึ้น 132,222 ล้านบาท เป็น 591,259 ล้านบาท หลังจากโชว์ฟอร์มเจ๋งไตรมาส2/2565 ฟาดกำไรสุทธิ 4,263 ล้านบาท ทะยานขึ้น 157.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รวม 6 เดือนปีนี้ โกย 7,044 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 2564 ที่ทำได้ประมาณ 6,700 ล้านบาท

นาย อนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “HoonSmart.com” ว่า บริษัทยังมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมาก เพราะมีสิ่งสำคัญคือ “นวัตกรรม” ทำให้สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆทุกปี ซึ่งมีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทฯประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก  หลังจากการเข้าไปเจาะตลาดในยุโรปมานานกว่า 10 ปี ถึงเวลาเก็บเกี่ยวผลลงทุน สามารถไล่เอาชนะบริษัทยานยนต์ชั้นนำยุโรป เนื่องจากฝ่ายวิจัยและพัฒนา (R&D) ได้เข้าไปทำงานใกล้ชิดกับลูกค้า บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป โดยเฉพาะเยอรมัน ทำให้ทราบทิศทางว่ากำลังจะไปทางไหน สามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการ และรัฐบาลเค้ายังให้การสนับสนุนเต็มที่

นอกจากนี้บริษัทจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต จากปัจจุบันมีโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู รวม 80 ไร่ โดยกำลังเจรจาขอซื้อที่ดินอีก 50 ไร่ แบ่งเป็นการลงทุนศูนย์กลาง R&D ประมาณ 10 ไร่เศษ และอีก 40 ไร่ โรงงานใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ เปืดไลน์การผลิตใหม่ได้ปลายปี 2565  รวมทั้งยังมีการเจรจาขอซื้อที่ดินแปลงใหม่อีก 30 ไร่ ทั้งนี้ ยังไม่รวมโรงงานในนิคมฯเวลโกรว์ที่ขึ้นการผลิตแล้ว 60 ไร่

“เราลงทุนเรื่อง R&D เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรเสมอ เพราะการวิจัยและพัฒนาเพื่อออกสินค้าใหม่ เมื่อมีการวางตลาดครั้งแรกจะได้รับการตอบรับที่ดีและได้ราคาที่ดีด้วย ส่วนโรงงานใหม่ เพิ่มกำลังการผลิตของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้ามีการใช้ IoT หรือ Internet of Things ด้วย ซึ่งบริษัทมีจุดเด่น นอกจากการวิจัยและพัฒนาสินค้าแล้ว ยังเป็นผู้ผลิตสินค้าขึ้นมาเอง ซึ่งสายการผลิตได้นำเครื่องจักรมาใช้มากขึ้น เพราะคาดว่าในอนาคตคนจะขาดแคลน และที่สำคัญผลิตผลิตภัณฑ์กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ทุกอย่างต้องชัวร์”นายอนุสรณ์กล่าวว่า

บริษัทเดลต้าฯเคยตั้งเป้าจะเป็นแหล่งผลิตใหญ่ ยานยนต์ไฟฟ้าของโลก ซึ่งปัจจุบันถึงเป้าหมายแล้ว จากการคิดค้นและผลิตเกือบทั้งคัน ยกเว้นแบตเตอรี่และตัวถัง โดยเลือกที่จะซื้อแบตเตอรี่แทนการลงทุนเอง ซึ่งผู้ประกอบการที่ไต้หวันเชี่ยวชาญมาก

ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ  Data Center ก็เติบโตไปข้างหน้า รวมถึงธุรกิจช่วยบริหารระบบไฟฟ้าให้กับอาคารสูง เพื่อให้สามารถใช้ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม ไม่มากจนเกินไป  ก็ได้รับความนิยมสูง รวมถึงธุรกิจเดิม ก็มีการเติบโตที่ดี ขณะเดียวกันมีการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย ช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัท

สำหรับราคาหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นแรงจนเกือบซิลลิ่ง 30% เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากการเก็งกำไร แต่เป็นการตอบรับปัจจัยพื้นฐาน กำไรเติบโตมาก ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่ถือหุ้นมานาน ไม่มีการขายออก กลับยังซื้อลงทุนเพิ่ม เนื่องจากมองเห็นเส้นทางที่บริษัทกำลังเดินไปข้างหน้าได้ดี

” เราไม่ได้ดูราคาหุ้น สิ่งที่ผมสนใจคือการมุ่งทำกำไรให้เดลต้าฯอย่างเดียว และบริหารความเสี่ยงของธุรกิจ เช่น โรงงานที่นิคมฯบางปู อยู่จ.สมุทราปราการ มักจะเจอปัญหาน้ำท่วมบ่อยๆ เดลต้าฯได้มอบเครื่องติดตามและควบคุมปริมาณน้ำในนิคมฯ ทำให้ฝนตกหนักขนาดไหน น้ำก็จะไม่ท่วมโรงงานอีกต่อไปแล้ว”นายอนุสรณ์กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์อย่างน้อย 7 แห่ง มีการทบทวนประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายหุ้นเดลต้าฯ หลังเห็นกำไรไตรมาสที่ 2 และ 6 เดือนปี2565 สูงเกินคาด แต่มูลค่าใหม่ที่ประเมินอยู่ในช่วง 308-480 บาท ยังต่ำกว่าราคาปิดล่าสุดที่ 478  บาท ยกเว้นบล.กสิกรไทยให้เป้าสูงสุด 480 บาท คาดว่าจะมีนักวิเคราะห์อีกหลายรายต้องปรับเพิ่มประมาณการ เพราะให้ราคาต่ำมาก เช่น บล.เอเซียพลัสให้มูลค่าเพียง 280 บาท ทั้งนี้ในช่วงปี 2564 ราคาหุ้น DELTA เคยขึ้นไปสูงกว่า 700-800 บาท เพราะความคาดหวังเรื่องกำไรเติบโตก้าวกระโดด  ท่ามกลางปริมาณหุ้นหมุนเวียนในตลาดต่ำ

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เพิ่งปรับประมาณการกำไรปี 2565 เป็น 10,139 ล้านบาท เติบโต 67% และปี 2566 กำไร 11,206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% หลักๆมาจากการปรับสมมุติฐานค่าเงินบาท/ดอลลาร์ และปรับอัตรากำไรขั้นต้น แต่ยังคาดว่ายอดขายสกุลดอลลาร์ในปีนี้เติบโตเพียง 10% เทียบเท่าขอบล่างที่บริษัทให้ไว้ว่าจะเติบโต 10-20%

ขณะเดียวกันเพิ่มราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 เป็น 424 บาท แต่คงคำแนะนำ”เทรดดิ้ง” แม้ธุรกิจแข็งแกร่ง แต่ประเมินว่าไม่ใช่ระดับราคาที่จะใส่น้ำหนักในการเข้าลงทุนรอบใหม่ เพราะซื้อขายบน P/E ปีนี้ที่ 45 เท่าและปีหน้า 41 เท่า สูงกว่ากลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ

“เราชอบธุรกิจหลักของ DELTA ที่เกาะไปกับการเติบโตมหาศาลของ 5G และ EV Car ซึ่งสะท้อนมาในงบไตรมาส2/65 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอ แต่ยอดขายสินค้าหลักของ DELTA ยังเติบโตได้