บลจ.วรรณตั้งเป้าปี 62 AUM โต 10% นำร่องโปรดักส์ใหม่

บลจ.วรรณ ตั้งเป้า AUM ปีหน้าเติบโต 10% จากปีนี้ผลงานทะลุเป้าโต 15% แตะ 1.20 แสนล้านบาท รุกบริหารกองทุนให้ลูกค้าแบบจัดพอร์ตลงทุนตามอายุและความเสี่ยง นำร่องผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่รองรับลูกค้าทุกวัย ด้านเศรษฐกิจฟื้น เลือกตั้งชัด หนุนหุ้นสิ้นปี 1,834 จุด

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) เติบโตประมาณ 10% จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีสินทรัพย์ประมาณ 1.15-1.2 แสนล้านบาท เติบโต 15% เกินกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1.10 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโต 10% โดยปีนี้สามารถขยายฐานลูกค้าสถาบันใหม่ในส่วนของธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพิ่มขึ้นประมาณ 80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการย้ำถึงผลงานของบริษัทในการจัดการเงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งบริษัทขนาดใหญ่ให้ความเชื่อถือ

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนสินทรัพย์กองทุนรวมประมาณ 41.93% กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 34.42% และกองทุนส่วนบุคคล 23.64%

สำหรับกองทุนรวมปัจจุบันบริษัทฯ ออกกองทุนที่มีนโยบายหลากหลายและครอบคลุมการลงทุนแล้ว ดังนั้นในปีหน้าบริษัทจะเน้นการบริหารกองทุนให้ลูกค้าแบบ Asset Allocation ให้เหมาะสมตามจังหวะของตลาดและระดับการยอมรับความเสี่ยงของนักลงทุน โดยจุดเด่นของ Asset Allocation ของบลจ.วรรณถัดจากนี้ คือ การวางกลยุทธ์แบบ Alternative Asset Class เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้ลูกค้า ซึ่งจะเริ่มนำร่องจากกองทุนส่วนบุคคลเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้เตรียมนำกองทุนเปิดวรรณ อัลตร้า อินคัม ฟันด์ (ONE-ULTRA) เพื่อข้าร่วมโครงการ 5 ขั้นมั่นใจลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจุดเด่นของกองทุนนี้ คือการลงทุนควบคู่กับการรับสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันกำลังปรับตัวเองเพื่อยกระดับให้บลจ.วรรณเป็นที่ปรึกษาทางการเงินด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินและด้านกองทุนรวมให้มีความหลากหลาย

“สินค้ากองทุนวรรณถัดจากนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะลูกค้าบุคคล เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี เพื่อให้กองทุนของวรรณน่าสนใจและสามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายทั้งลูกค้า Retail และ High Net Worth”นายพจน์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมออกกองทุนรวมใหม่ๆ เพื่อมาทดแทนผลตอบแทนกองทุนตราสารหนี้ที่ลดลงจากการเก็บภาษีของกองทุนตราสารหนี้ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมที่มีเม็ดเงินลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 2.6 ล้านล้านบาท จากมูลค่าสินทรัพย์ของกองทุนรวมทั้งระบบประมาณ 5 ล้านล้านบาท

นายพจน์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินแผนธุรกิจในอีก 3 ปีอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการขายให้กับบริษัท รวมทั้งเพิ่มความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์กองทุนรวม นอกจากนี้บริษัทกำลังพัฒนาแพลตฟอร์มการทำธุรกรรมผ่านทาง Mobile Application phase 2 เพื่อขยายฟังก์ชั่นการใช้งานและรองรับระบบที่ลิงค์กับพันธมิตรและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ซึ่งภายในไตรมาส 4/2561 จะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าทำธุรกรรมผ่านมือถือเพิ่มอีก 50% จากฐานลูกค้าที่ทำธุรกรรมซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต

นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่่การลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวว่า บลจ.วรรณประเมินอัตราการขยายตัวของ GDP ปีนี้อยู่ที่ 4.4-4.7% และ 4.0-4.5% ในปี 2561 โดยมองตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดดัชนีสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,834 จุด บนพี/อี 16.98 เท่า ซึ่งได้รับปัจจัยในประเทศเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เช่น อุปสงค์ภายในประเทศฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ การประกาศใช้พ.ร.บ.เศรษฐกิจ EEC ช่วยกระตุ้นภาคการลงทุน รวมถึงการเลือกตั้งในเดือนก.พ.ปีหน้า

“ประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจการเมืองและความเชื่อมโยงเศรษฐกิจกับต่างประเทศแข็งแกร่งเกือบทุกมิติ ทำให้มีความเสี่ยงวิกฤติค่าเงินค่อนข้างจำกัด การฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือนและโครงการลงทุนจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อีกทั้งตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงน้อยกว่าเพื่อนบ้านโดยเฉพาะ TIP ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยตั้งแต่ต้นปีลดลง -3.66%,-7.93% และ -11.21% ตามลำดับ และพิจารณารายไตรมาสตลาดหุ้นยังให้ผลตอยแทนที่ดีกว่า อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 5.89%,0.90% และ 5.63% ตามลำดับ ดังนั้นในช่วงดัชนีย่อตัว ยังมองเป็นโอกาสทยอยสะสม”นายมณฑล กล่าว