ศูนย์กสิกรฯคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ทรีนีตี้แนะเพิ่มลงทุนบอนด์ยาว กอดหุ้น

HoonSmart.com>> 27 ก.ค.นี้ รู้ผลประชุมเฟด  ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดรอบนี้ขึ้น 0.75% ไม่กล้าเร่งขึ้น 1% กลัวตลาดตกใจ บล.ทรีนีตี้ มองบอนด์    ยีลด์ 10 ปีลงต่ำสุด 2.73% ให้ผลตอบแทนที่ดีบอนด์ระยะยาว แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนตลอดไตรมาสที่ 3  ส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 2 ปี และ 10 ปีทั้งสหรัฐฯ-ไทยทําจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้ง เป็นปัจจัยลบหุ้น ไม่เพิ่มพอร์ต

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์การประชุม FOMC วันที่ 26-27 ก.ค. นี้ คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูง หลังเงินเฟ้อเดือนมิ.ย. ยังคงเร่งตัวสูงขึ้นและแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปีที่ 9.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะยังคงให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเป็นหลัก

ขณะที่มองความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 1.00 % นั้นยังคงมีน้อยกว่า เนื่องจากจะถือว่าเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อครั้งที่มากสุดในรอบ 40 กว่าปี ซึ่งอาจสร้างความวิตกกังวลต่อตลาดได้ โดยตลาดจะมีมุมมองว่าเฟดมีความวิตกกังวลอย่างมากต่อตัวเลขเงินเฟ้อและมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถควบคุมได้จึงจำเป็นต้องให้ยาแรงกว่าที่เคยส่งสัญญาณไว้ ดังนั้น เฟดคงต้องชั่งน้ำหนักผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากจะดำเนินนโยบายอย่างแข็งกร้าวมากขึ้น

ทั้งนี้ แม้ว่าเฟดจะพยายามประคับประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ไปสู่ soft landing แต่ตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกยังมาอยู่ในภาวะเร่งตัว จึงไม่มีทางเลือกมากนักที่จะต้องดำเนินนโยบายการเงินอย่างแข็งกร้าวขึ้น ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หรือหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกันในช่วงปี 2566  ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณลดความร้อนแรงลง โดยหลายบริษัทเริ่มมีการปรับลดการจ้างงานท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่การบริโภคมีแนวโน้มชะลอลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค หดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 2 ไตรมาสติดต่อกัน ในช่วงต้นปี 2566 แต่มาจากอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอตัว จึงไม่มองว่าภาวะถดถอยจะรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2552 ด้านของเงินเฟ้อคาดว่าจะอ่อนแรงลงได้บ้างตามอุปสงค์ที่ชะลอลง และอาจส่งผลให้เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยลงได้ในระยะข้างหน้า”ศุนย์วิจัยกสิกรไทยระบุ

ด้านบล.ทรีนีตี้ มีปัจจัยเฝ้าระวังใหม่ได้แก่การประกาศของ WHO ให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะด้านนฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ และความกังวลด้านเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้น สะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) 10 ปีที่ล่าสุดลงมาทําจุดต่ำสุดใหม่ที่ระดับ 2.73% สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับพันธบัตรระยะยาวซึ่งยังคงเป็น Asset class ที่แนะนําเพิ่มน้ำหนักหรือ Overweight ตลอดการลงทุนในไตรมาสที่3

การปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ที่สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยมักมาพร้อมกับความชัน Yield curve ที่ Flattening มากขึ้น โดยล่าสุดส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 2 ปี และ 10 ปีทั้งฝั่งสหรัฐฯและไทยต่างทําจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้งแล้ว มองเป็นปัจจัยลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มวัฏจักรทั้ง Global cyclical
และ Domestic cyclical

“ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงแนะนําเพียงการถือครองหุ้นในส่วนเดิมเท่านั้น ยังเน้นไปยังกลุ่ม Defensive play เป็นหลัก ทั้ง Healthcare / Consumer staple / Utilities / ICT เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มที่สามารถทนทานต่อบริบทของการลงทุนในปัจจุบันได้ดีที่สุด”บล.ทรีนีตี้ระบุ