HoonSmart.com>>”โกลบอล คอนซูเมอร์ฯ”ลดพาร์เหลือ 50 สต. จาก 1 บาท/หุ้น ล้างขาดทุนสะสม-ส่วนต่ำมูลค่าหุ้น พลิกเป็นส่วนเกินมูลค่าหุ้น คาดแล้วเสร็จไตรมาส 4/65 ส่งซิกปี 66 เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แนวโน้มผลงานไตรมาส 2 และครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจภาพรวมทั้งปี 65 พลิกกำไร รายได้แตะ 3,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย
นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ (GLOCON) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2565 มีมติอนุมัติแผนการลดมูลค่าหุ้นที่ตราไว้(พาร์) จากหุ้นละ 1 บาทเหลือ 0.50 บาท เพื่อนำไปล้างส่วนต่ำมูลค่าหุ้น -437.27 ล้านบาท ผลขาดทุนสะสม -1,039.81 ล้านบาท พลิกเป็นส่วนเกินมูลค่าหุ้น 61 ล้านบาท โดยจำนวนหุ้นสามัญยังคงเท่าเดิมที่ 3,595,433,240 หุ้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2565
“การลดทุนจดทะเบียนชำระแล้วครั้งนี้ เป็นเพียงการปรับปรุงตัวเลขทางบัญชี ไม่มีการคืนเงินจากการลดทุนเรียกชำระแล้วให้กับผู้ถือหุ้น จึงไม่ส่งผลต่อสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นให้ลดลงแต่อย่างใด และการล้างขาดทุนสะสม เพื่อให้สามารถจ่ายเงินปันผลกับผู้ถือหุ้นได้ตามแผนภายในปี 2566 ซึ่งนับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกตั้งแต่นำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ”นายนพพรกล่าว
ทั้งนี้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 8 ก.ย. 2565 เวลา 14.00 น. ผ่านระบบออนไลน์ (E-EGM) และกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น (Record date: RD) ในวันที่ 9 ส.ค. 2565
นายนพพร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าผลักดันรายได้ทุกธุรกิจแตะ 1,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนรายได้รวมเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 โดยล่าสุดงวดไตรมาสโตต่อเนื่องช่วงครึ่งปีหลัง มีสัญญาณการเติบโตดีต่อเนื่อง แม้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องเผชิญกับภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาน้ำมันและวัตถุดิบที่ปรับขึ้นทั่วโลก เบื้องต้นมั่นใจภาพรวมทั้งปี 2565 พลิกมีกำไร รายได้เติบโตแตะ 3,000 ล้านบาท ตามเป้าหมาย
ปัจจุบันบริษัทโกลบอล คอนซูเมอร์ แบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.ธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็ง, อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน, ลูกชิ้นทิพย์ และผลไม้อบแห้ง สัดส่วน 73% 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทต่างๆ สัดส่วน 24% และ 3.ธุรกิจเทรดดิ้ง สัดส่วน 3% ของรายได้รวม