MEGA แจงกรณี “เมียนมา” ไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น

HoonSmart.com>> “เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์” ประเมินกรณีเมียนมายังไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญในระยะสั้น “ยา” เป็นสินค้าจำเป็น อาจกดดันรายได้ แต่กระทบกำไรน้อย ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ยังคงแนะนำ “ซื้อ” MEGA แม้รายได้จากเมียนมาคิดเป็น 35% ของรายได้ แต่อัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจ Brand Mega We Care มาก ประเมินกระทบกำไรน้อย

บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) ชี้แจงว่ากรณีข่าวธนาคารกลางประเทศเมียนมาได้ออกคำสั่งให้บริษัทและธนาคารในท้องถิ่นระงับและพิจารณาทบทวนกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้ต่างประเทศ โดยธนาคารกลางได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าที่ไม่จำเป็นนั้น จากข้อจำกัดการนำเข้าที่กำลังนำมาใช้สำหรับสินค้าที่ไม่จำเป็น อาจนำพาให้สถานการณ์ดังกล่าวมีทิศทางที่ดีขึ้น และฟื้นฟูให้สกุลเงินดอลลาร์เทไปยังสินค้าที่จำเป็น เช่น ยา ซึ่งบริษัทมีการทำธุรกรรมไว้อยู่แล้ว

นอกจากนี้รัฐบาลประเทศเมียนมาได้มีการทำข้อตกลงกับประเทศไทยและประเทศจีนว่าด้วยการอนุญาตให้มีการใช้สกุลเงินบาทและหยวนในเขตการค้าชายแดน บริษัทฯ เป็นบริษัทไทย จึงถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะได้พิจารณาการบริหารจัดการ รับมือ และฟันฝ่ากับสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที

ปัจจุบันบริษัทยังคงมีสินค้าคงคลังอยู่ประมาณ 3-4 เดือน บริษัทหวังว่าข้อจำกัดการนำเข้าใหม่ที่กำลังดำเนินการอยู่จะช่วยให้สถานการณ์มีเสถียรภาพกลับสู่ระดับที่สามารถจัดการได้ในระยะสั้น ดังนั้น บริษัทจึงไม่เห็นผลกระทบอันมีนัยสำคัญในระยะอันสั้นนี้ อย่างไรก็ตาม หากมาตรการข้อจำกัดใหม่เพื่อจำกัดการค้าในสินค้าที่ไม่จำเป็นที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้และที่คาดการณ์ไว้ไนอนาคต หากสกุลเงินสหรัฐดอลล่าร์, บาท, หยวน เกิดการขาดแดลน และไม่ได้รับการแก้ไข จะส่งผลให้ธุรกิจในประเทศเมียนมาเกิดการชะลอตัวถึงปลายปีจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ในช่วงระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา โดยภาพรวมแล้วแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบทำให้การเติบโต ในประเทศเมียนมาเกิดการชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความสามารถในการทำกำไร โดยรวมของธุรกิจในประเทศเมียนมาแต่อย่างใด เนื่องจากในตลาดสินค้าของบริษัทฯ ยังคงมีปริมาณความต้องการซื้อสูงและบริษัทฯ ดาดว่าการควบคุมต้นทุนในการขายและการบริหาร (SG&A) จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร ได้มากขึ้น

สำหรับประเทศเมียนมาถือเป็นประเทศที่สร้างรายได้ที่ใหญ่ที่สุดในส่วนของธุรกิจจัดจำหน่ายของบริษัท ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใด้เครื่องหมายการค้าบริษัท ดังนั้น การชะลอตัวของธุรกิจในประเทศเมียนมาอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทมาก แต่หากมองในมุมผลกำไรแล้วถือว่าส่งผลกระทบน้อย

พร้อมกันนี้อุตสาหกรรมยาเป็นสินค้านำเข้าที่จำเป็น และบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยารายใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมา และบริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้านำเข้าที่จำเป็น โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีราคาที่เอื้อมถึงได้ แต่คุณภาพสูงซึ่งเป็นที่ต้องการ ณ ขณะนี้

บริษัทเชื่อว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะสามารถพลิกผลันสถานการณ์ดังกล่าวให้เกิดความแข็งแกร่ง แต่หากในระยะสั้น สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของธุรกิจจัดจำหน่ายแต่สำหรับตลาดอื่นและธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ยังคงเติบโตดี รวมถึงการควบคุมต้นทุนในประเทศเมียนมา จะสามารถช่วยรักษากำไรในภาพรวมของบริษัทฯ

บริษัทขอรับรองว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นมากกว่าที่เคย ในการดูแลความต้องการด้านสุขภาพของชาวเมียนมา และสวัสดิการของพนักงานประมาณ 2,000 คนที่ร่วมงานกับบริษัท และมีความเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถก้าว ข้ามผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวไปได้อย่างด้วยดี และเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในประเทศเมียนมา อย่างเช่นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ยังคงแนะนำ “ซื้อ” MEGA หลังชี้แจงประเด็นเมียนมา สรุปได้ว่าผลกระทบจำกัดมาก เนื่องจาก “ยา” เป็นสินค้าจำเป็น บริษัทมีสต็อกสินค้าในเมียนมาร์ประมาณ 3-4 เดือน หากมีการห้ามนำเข้าสินค้าใดๆก็ตาม บริษัทมีเวลาในการบริหารจัดการ

แม้ว่าสินค้าอื่นที่นอกเหนือจากยา จะถูกกระทบแต่จะไม่มีผลอย่างมีนัยยะเพราะสินค้าดังกล่าวมีสัดส่วนน้อย

แม้ว่ารายได้จากเมียนมาจะ 35% ของรายได้ แต่อัตรากำไรต่ำกว่าธุรกิจ Brand Mega We Care มาก ผลกระทบต่อกำไรจึงน้อย

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองในเบื้องต้นคาดกำไร 2Q22 มีโอกาส new high มากกว่า 600 ล้านบาท ยังแนะนำซื้อ คงราคาเป้าหมาย 67 บาท