คุ้ย แคะ แกะ เกา : ชีวิต มีขึ้น ย่อมมีลง

โดย : รัสปูติน

www.HoonSmart.com “ เสนอความจริง ทุกการลงทุน” ปีที่ 1 วันที่ 24 กันยายน 2561

* พอดัชนี SET ไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,760 จุดได้ คำอธิบายหาเหตุผลว่า ถึงเวลาพักรอบจึงเกิดขึ้น หนึ่งในคำอธิบายที่ตูข้าชอบใจของนักวิเคราะห์ขาประจำอยู่ที่ว่า แรงซื้อที่ไม่ต่อเนื่องของกองทุนและฟันด์โฟลว์ ไม่สามารถก้าวข้าม เจ้าสิ่งที่นักวิเคราะห์เทคนิคเรียกว่า negative divergence ได้ ทำให้ขาขึ้นยากลำบาก กลายเป็นสัญญาณ bearish divergence คำถามจากนี้ไป จึงไม่ได้อยู่ที่ใครควรเป็นแพะ แต่น่าจะหาทางออกในช่วงรอรอบขาขึ้นระลอกต่อไป…ตลาดหุ้นเปรียบเสมือนชีวิตคน มีขาขึ้น ย่อมมีขาลง

* คำว่า bearish divergenc ต้องอธิบายกันยาว เพราะการที่ดัชนีไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ แม้แรงซื้อหุ้นแบงก์หนุน SET ปิดบวก 4 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7.86 หมื่นล้านบาท แต่สัญญาณเทคนิคระบุชัดว่า เริ่มขัดแย้งกันเองชัดเจน เพียงแต่ยังไม่ชัดเจน เพราะอาจจะเกิดปรากฏการณ์พิเศษที่เรียกว่า hidden divergence นั่นคือ ทำท่าจบขาขึ้น แต่ทะยานต่อได้อีกรอบใหม่ทันที ..ระหว่างนี้ ระวังเรื่องเดียวคือ ใครบางคน อาจจะตกเป็นแพะ เพราะเหตุว่า การสร้างแพะง่ายเสมอ สำหรับคนที่อยากปัดสวะความผิดพลาดของตนเองไปให้คนอื่น

* บอนด์ยีลด์มาตรฐาน หรือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับขึ้นเหนือ ระดับ 3.076% อีกครั้ง ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในสัปดาห์นี้ คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในเดือนธ.ค. หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้วปีนี้ 2 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ อาจจะเป็นที่มาของการขายทำกำไร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปรับฐานใหญ่เพราะวอลุ่มเทรดหนาแน่นมาก

* หากตูข้าไม่ฟั่นเฝือเสียก่อนบอกคำเดียวว่า มีลุ้น 2 ทางแรก ดัชนีSET จะปรับตัวลงตามดาวโจนส์ก่อนวันพุธ หลังจากนั้นหากชัดเจนแล้ว จะพลิกขึ้นระลอกใหม่…ทางหลัง ดัชนี SET ไปต่อ ทำแนวต้านเหนือ 1,765-1,775 จุด แล้วร่วงแบบกระแทกแรง ๆ อ้างเหตุดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่เป็นผลดีราคาหุ้น

* ไม่ว่าดัชนีเป็นอย่างไหน หุ้นที่น่าจับจองเพื่อความปลอดภัย หนีไม่พ้นหุ้นธนาคารหลักอย่าง KBANK, BBL, และ TISCO เพราะไม่ว่ามองอย่างไรก็ปลอดภัยกว่าเสมอ หลังจากวันศุกร์บ่ายพากันกลับมาประคองดัชนีเร็วเกินคาด หลังจากออกอาการ ไปต่อไม่ไหวอยู่ 2 วัน

* หุ้นรายนี้ ต้องลุ้นเพราะยังงมโข่ง ตามหาราคาจอง ไปเรื่อย THG เมื่อวันศุร์ บวกกว่า 3% ลุ้นผลงานครึ่งหลังสดใส รับรู้รายได้จากโครงการใหม่ในย่างกุ้งและบำรุงเมือง หนุนรายได้ปีนี้โต 10% ตามเป้า โดยราคาปิดอยู่ที่ 32 บาท บวก 1 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 99 ล้านบาท แต่ที่ตูข้ามองว่าสำคัญ อยู่ที่ทะลุแนวต้าน และแปลงเป็นแนวรับสำเร็จ ไปต่อแน่นอน ไม่ว่าดัชนีบวกหรือลบ

* ORI ดาวรุ่งปีก่อน ปีนี้ราคาแกว่งตัว เพาะเปิดโครงการน้อยลง เพราะเร่งขายของเก่าที่ตกค้างให้หมด ราคาแกว่งซึมยาวนานแถว 16-20 บาท แต่วันศุกร์วิ่งอ้าว เพราะแรงเคาะไอ้โม่งทีเดียว 2 ช่องนาทีสุดท้าย วอลุ่มคึกแม้ไม่เยอะ น่ากลัวจะเล่นรับหุ้นปันผลใหม่เข้าเทรดเสียที แต่ถ้าจะถามว่าราคาเหมาะสมตรงไหน ให้ถาม เสี่ยปู่ กับเสี่ยนเรศ อย่าถามผิดคน

* JKN ท่าดีทีเหลว หลังจากบวกยาวมา 3 วัน พุ่งกว่า 11% ขานรับรายได้ปีนี้กระฉูด 20% หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 300 ล้านบาท แต่แรงขายภาคบ่าย ออกมาทำหมดสภาพ ราคาปิด 11.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136 ล้านบาท แรงขายมากกว่าแรงซื้อ เหมาะสำหรับสะสมแบบปิรามิด

* BEM มีข่าวดี หนุนทำนิวไฮไปเรียบร้อย แต่ยังน้อยไป เทียบกับข่าวศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษา ยืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางคดี “ค่าโง่ทางด่วน” ให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้การทางพิเศษฯ(กทพ.) ชำระเงินแก่บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (NECL) เป็นบริษัทย่อยของบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) โดยจ่ายเงินค่าชดเชยรายได้ที่ลดลง ตามที่กำหนดในสัญญา รวมจำนวนกว่า 1.8 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย …รู้ซะมั่ง ไผเป็นไผ…แต่ตรวจสอบวันจ่ายเงินให้ดีว่าวันไหน กี่งวด งวดละเท่าใดด้วย เพราะที่นี่เขาว่าเป็น กะลาแลนด์