YLG เผยรายได้ปี 64 แตะ 4.5 แสนลบ. สูงสุดอันดับ 4 ของบริษัทไทย

HoonSmart.com>>”วายแอลจี บูลเลี่ยนฯ” เปิดรายได้ปี 64 รวม 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.56% จากปีก่อน ถือเป็นบริษัทไทยที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 4 ของประเทศ จากราคาทองแกว่งตัวสร้างโอกาสทำกำไรมากขึ้น ดึงดูดลูกค้าเปิดพอร์ตออนไลน์ผ่าน www.ylgopenacc.com โต ปี 65 เพิ่มขึ้น 60% เผยเคล็ดลับมัดใจ 7 บริการเด่น แนวโน้มราคาทองแกว่งในกรอบ 29,400 – 30,300 บาท แนวรับ $1,700-$1,697 แนวต้าน $1,736-$1,751 

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล   (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2564 ที่ผ่านมา YLG มีรายได้รวม 4.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.56%จากปี 2563  จากการสำรวจของ Creden Data ระบุว่า  YLG เป็นบริษัทที่ทำรายได้สูงสุดเป็นลำดับที่ 4 ของบริษัทไทย ถึงแม้ว่าในช่วงปี 2564 จะเป็นช่วงที่มีความท้าทาย เนื่องจากภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 แต่บริษัทชั้นนำของไทยยังคงเติบโตเอาชนะวิกฤตได้อย่างดี

สาเหตุที่สนับสนุนรายได้สูงขึ้น มาจากการขยายบริการของ YLG ให้ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยบริการซื้อขายทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99% มาตรฐาน LBMA (London Bullion Market Association) และเป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่มีบริการเปิดบัญชีเทรดทองคำแท่งออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงหน้าร้าน สามารถซื้อขายแบบราคาเรียลไทม์ Gold Spot 24 ชม. ผ่าน www.ylgopenacc.com/ ด้วยจุดเด่นของการให้บริการ 7 ข้อ คือ 1. ราคาดี 2. มีที่ปรึกษาด้านการลงทุนส่วนตัว ให้ข้อมูลและดูแลแบบ Exclusive ตั้งแต่เริ่มต้นการลงทุนในทุกขั้นตอน 3. เทรดราคาเรียลไทม์ Gold Spot ได้ตลอด 24 ชม. 4. เปิดพอร์ตช่องทางออนไลน์ได้ ไม่ต้องเดินทางมาที่บริษัท 5. บทวิเคราะห์อัพเดตรายวันจากนักวิเคราะห์มืออาชีพ 6. สามารถเลือกซื้อขายทอง หรือรับส่งทองที่บริษัท ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งที่จอดรถและห้องรับรองลูกค้า และ 7. พร้อมพนักงานบริการด้วย service mind ซึ่งเป็นหัวใจที่ทำให้ YLG ครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน

นอกจากนั้น ในปี 2564 ที่ผ่านมาราคาทองคำเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวผันผวน ส่งผลให้นักลงทุนทั้งรายเก่าและรายใหม่หันมาเก็งกำไรในทองคำมากขึ้น ส่วนในปี 2565 YLG ประเมินว่าจะแกว่งตัวผันผวนเช่นเดียวกับปีก่อน แม้ว่าเทรนด์ในระยะสั้นจะเป็นขาลง แต่นักลงทุนยังสามารถทำกำไรตามรอบของการดีดตัวช่วงสั้น ซึ่งการที่ราคาทองคำยิ่งแกว่งตัวนักลงทุนก็ยิ่งมีโอกาสเก็งกำไรในระหว่างทางได้สูงขึ้น จากปัจจัยเหล่านี้จึงสนับสนุนให้ในปีที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาเปิดบัญชีซื้อขายทองคำโดยเฉพาะบัญชีออนไลน์กับ YLG เพิ่มขึ้น 2 เท่า และในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นอีก 60%

ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ YLG มองว่า หลังจากราคาลงมาทดสอบโซน 1,700-1,697 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคามีโอกาสดีดตัวขึ้นช่วงสั้นทดสอบแนวต้านโซน 1,736-1,751 ดอลลาร์สหรัฐ  ถ้าไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้ อาจเกิดแรงขายกดให้ราคาอ่อนตัวลงอีกครั้ง เพื่อสร้างฐานราคาต่อไป ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานต้องจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่จะมีขึ้นช่วงปลายเดือนก.ค.นี้ ว่าจะออกมาอย่างไร หากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75% ก็จะไม่มีผลต่อราคาทองคำมากนัก เนื่องจากเป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่ถ้าหากปรับขึ้นมากกว่าอัตราดังกล่าวก็อาจจะส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำได้

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำในช่วงนี้ สามารถดูจังหวะซื้อที่แนวรับ 1,700-1,697 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (ลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,676 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ส่วนแนวต้านมองที่ 1,736-1,751 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่การเคลื่อนไหวในรูปของเงินบาทคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29,400 – 30,300 บาทต่อบาททองคำ