KCC โตตามสัญญา ทุ่ม 800 ลบ.ลงทุนซื้อหนี้ปีนี้ ยีลด์ 15%

HoonSmart.com>>”บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล”แกร่งยิ่งขึ้น หลังเข้าตลาด มีเงินทุน-ต้นทุนต่ำพร้อมลงทุน ชื่อเสียงได้รับการยอมรับในวงกว้าง ลูกค้าติดต่อขายหนี้โดยตรง ไตรมาส 2/65 เดินหน้าซื้อหนี้ 543 ล้านบาท ยอดรวมครึ่งปีทะลุ 1,000 ล้านบาท ยันปี 65 ลงทุนเข้าเป้า 800 ล้านบาท ปี 66-67 ลุยอีก 400 ล้านบาท/ปี พอร์ตโตก้าวกระโดด 2.1 พันล้านบาท หุ้นกู้ 350 ล้านบาทครบดีลต.ค. ดอกเบี้ย 6.25%/ ปี กู้แบงก์จ่าย 5%

ทวี กุลเลิศประเสริฐ

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯเข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ( mai) เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ได้นำเงินไอพีโอ ซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPLs ที่มีหลักประกันจากสถาบันการเงินแล้ว 193 ล้านบาท และยังได้นำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้มูลค่า 350 ล้านบาท ไปลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน รวมทั้งสิ้น 543 ล้านบาท ทำให้มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเกิน 1,000 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 527 ล้านบาท มั่นใจว่าในปี 2565 บริษัทจะซื้อหนี้มาบริหารได้ตามเป้าหมาย 800 ล้านบาท และลงทุนต่อเนื่อง ในปี 2566-2567 อีก 400 บาท/ปี เพื่อให้มูลค่าพอร์ตมากกว่า 2,100 ล้านบาท โตก้าวกระโดดจากในไตรมาส 1 มีพอร์ตรวม 565.67 ล้านบาท ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในปีนี้ อัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไร

นอกจากนี้ต้นทุนทางการเงินก็จะลดลง หุ้นกู้ที่บริษัทขายก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ มูลค่า 350 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี จะครบอายุในเดือนต.ค.นี้ หากบริษัทขอสินเชื่อจากธนาคาร ดอกเบี้ยจ่ายเพียง 5.00% พร้อมฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) เพียง 0.51 เท่ามีความสามารถในการขอสินเชื่อได้อีกมาก ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการเข้าซื้อหนี้เมื่อเห็นโอกาสที่เหมาะสม

” เราขายหุ้น IPO ที่ 3.70 บาท ในช่วงแรกของการเข้าตลาด ราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 9.30 บาท ล่าสุดเคลื่อนไหวสูงกว่า 6 บาท เกิดจากนักลงทุนคาดหวังผลดำเนินงานจะดีขึ้นมากตามการเติบโตของพอร์ต รวมถึงการเข้าจดทะเบียนในกลุ่มการเงิน ได้รับความนิยมสูง บริษัทมีงบ  รองรับการซื้อหนี้ NPLs และสินทรัพย์รอการขายหรือ NPAs เข้ามาบริหารอยู่ที่ 260 ล้านบาท ซึ่งการเข้าตลาดหุ้นยังก่อใหเกิดประโยชน์มากมาย แก้จุดอ่อนในอดีตที่ไม่มีเงินทุนในการซื้อหนี้ แม้จะเห็นโอกาสสูงก็ตาม นอกจากนี้ ยังได้รับความไว้วางใจจากคู้ค้ามากขึ้น ลูกหนี้กลุ่มธุรกิจของแบงก์ได้ติดด่อเข้ามาโดยตรง เพื่อขอคำปรึกษาในการแก้หนี้ และทางสถาบันการเงินเป็นผู้แนะนำให้กับบริษัทช่วยเหลือให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้ เนื่องจากมีข้อจำกัด ทำให้การปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จ บริษัทซื้อหนี้ได้สำเร็จ ด้วยความเสี่ยงลดลง”นายทวีกล่าว

บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนซื้อหนี้และสินทรัพย์รอการขายมาบริหาร ตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินจาก IPO ทำให้เงินลงทุนเติบโตและอัตราผลตอบแทน หรือมียีลด์เฉลี่ยที่ 15% ของเงินลงทุน โดยที่หนี้กลุ่มสินเชื่อภาคธุรกิจเฉลี่ย 25% และหนี้ในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยเฉลี่ย 14-15% ทำให้บริษัทมีความสามารถทำกำไรได้ในระดับที่ดี มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 88% อัตรากำไรสุทธิที่ 39%

แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังยังเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีรายได้จากการเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากลูกหนี้้มีความสามารถชำระหนี้ได้ดีขึ้น และบริษัทยังคงเดินหน้าซื้อหนี้ แม้ว่าสถาบันการเงินจะนำออกมาขายลดลง จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ 5 หมื่นล้านบาท เพราะสถาบันการงินบางแห่งมีนโยบายขายหนี้เพียงปีละครั้ง ซึ่งดำเนินการไปแล้วในช่วง 6 เดือนแรก คาดแนวโน้มหนี้เสียยังมีออกมาให้บริษัทลงทุนทุกปี