DELTA-KCE ขึ้นนำกลุ่มอิเล็กทรอนิสก์ที่ขึ้นยกแผง-หลายปัจจัยหนุน

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขยับขึ้นยกแผง ดันดัชนีกลุ่มฯพุ่ง 4.51% นำโดย DELTA-KCE รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดสหรัฐฯขึ้นแรง-ต้นทุนผลิตทองแดงปรับลง-ได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า-ราคาหุ้นในกลุ่มฯ Underperform ตลาดมานาน แต่ KCE หนีตายหวั่นหลุด SET50 หลัง”ไทยประกันชีวิต”เข้าตลาด แต่ได้ประโยชน์จาก EV car ในยุโรป

เมื่อเวลา 10.47 น.ดัชนีกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิสก์ขยับขึ้น 4.51% มาอยู่ที่ 5,246.57 จุด เพิ่มขึ้น 226.56 จุด หุ้นต่างขยับขึ้นยกแผง นำโดยหุ้น DELTA พุ่ง 5.29% มาอยู่ที่ 358.00 บาท เพิ่มขึ้น 18.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 977.94 ล้านบาท
หุ้น KCE บวก 4.13% มาอยู่ที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 462.95 ล้านบาท
หุ้น SMT บวก 3.33% มาอยู่ที่ 4.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 9.03 ล้านบาท
หุ้น HANA บวก 3.11% มาอยู่ที่ 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซ์้อขาย 172.90 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ขยับขึ้นยกแผงในช่วงเช้านี้ รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดสหรัฐฯได้ปรับขึ้นเฉลี่ย 3% และต้นทุนการผลิตอย่างทองแดงก็ปรับตัวลงด้วย รวมถึงได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งคลายกังวลเกี่ยวกับเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิสก์ Underperform ตลาดมานาน สำหรับ KCE มีประเด็นในเรื่องที่ติดหนึ่งใน 5 อันดับสุดท้ายในกลุ่ม SET50 ที่โอกาสจะถูกออกจาก SET50 ซึ่งขึ้นอยู่กับ IPO ของบริษัท ไทยประกันชีวิต ที่จะเข้าตลาดมา แล้วจะเข้า SET50 เลยหรือไม่ ทำให้การเล่นหุ้น KCE เหมือน่ลักษณะของการเล่นหนีตายไม่ให้เป็นอันดับสุดท้าย ซึ่งเป็นจิตวิทยาการลงทุน โดยมาร์เก็ตแคปที่ใกล้เคียงกันใน SET50 ท้าย ๆ ก็จะมี JMART, KCE, IRPC, SAWAD ที่ต้องลุ้นกันว่าใครจะถูกออกจาก SET50

ทั้งนี้ สัญญาณทางเทคนิคกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิสก์แสดงให้เห็นการฟื้นตัวในกรอบขาลง โดยหุ้น DELTA ตัวนำกลุ่มฯจะมีแนวรับ 345-350 บาท แนวต้าน 375 บาท, หุ้น KCE แนวรับ 55 บาท แนวต้าน 57 บาท และหุ้น HANA แนวรับ 40 บาท แนวต้าน 42 บาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะนำ”ซื้อ”หุ้น KCE ราคาเป้าหมาย 81.00 บาท เป็นอีกหุ้นที่รับประโยชน์ทั้งจากอุตสาหกรรม EV car ในยุโรป ซึ่งรัฐผลักดันนโยบาย Green energy เต็มที่ และกลุ่ม Smart devices ที่ยังเห็นการเติบโตแรง คาดโมเมนตัมกำไรไตรมาส 2/65 ที่ 706 ล้านบาท (+14%y-y, +20%q-q) ตามคำสั่งซื้อกลุ่มรถยนต์และ EV สูง, บาทอ่อน รวมถึง การปรับแก้เครื่องจักรดีขึ้น หนุน Gross margin ฟื้นเร่งตัวไตรมาส 2-4/65 โดยรวมมองกำไรปี 65 +20%y-y เป็น 2.9 พันล้านบาท

ด้าน Valuation ราคาหุ้นได้เปรียบเชิงต้นทุน มองเป็นจุดซื้อได้ ซื้อขาย PER65 เหลือ 22 เท่า เทียบกับช่วงพีคที่สูง 40x อีกทั้งราคาหุ้นถือว่าตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้ว (เศรษฐกิจถดถอย, ปัญหาเทคนิคของโรงงาน) และ -18% ใน 3 เดือน มองน่าสะสมกลับ ในภาพระยะกลางยาวที่เป็นบวกนโยบายรถ EV และระยะสั้นเงินบาทอ่อนค่า และทองแดง วัตถุดิบหลักปรับลงมาก และมีประเด็นเก็งกำไร หุ้นหลุด/ไม่หลุด SET50 จาก Fast track ของหุ้น IPO