HoonSmart.com>>หุ้น OSP-CBG-MEGA รับแรงกดดันจากประเทศเมียนมาสั่งระงับจ่ายหนี้ต่างประเทศ ขณะที่หุ้น BH และ BDMS เริ่มฟื้นตัว โบรกฯต่างมองไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทฯ โดย MEGA, BDMS และ BH ไม่มีเงินกู้ต่างประเทศในเมียนมา แนะราคาหุ้นที่ปรับตัวลงเป็นจังหวะเข้าสะสม
เมื่อเวลา 10.21 น.หุ้น OSP, CBG และ MEGA ปรับตัวลง โดยหุ้น OSP ลบ 2.96% มาอยู่ที่ 32.75 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 308.50 ล้านบาท
หุ้น CBG ลบ 2.70% มาอยู่ที่ 108.00 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 458.08 ล้านบาท
หุ้น MEGA ลบ 1.05% มาอยู่ที่ 47.00 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 123.24 ล้านบาท
ขณะที่หุ้น BH บวก 1.12% มาอยู่ที่ 180.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 111.65 ล้านบาท
หุ้น BDMS ทรงตัวที่ 26.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 10.84 ล้านบาท
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มองประเด็นประเทศเมียนมาร์สั่งระงับจ่ายหนี้ต่างประเทศ มีความเห็นว่า MEGA, BDMS และ BH ไม่มีเงินกู้ต่างประเทศในเมียนมาร์ ดังนั้นจึงไม่น่ามีผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลเมียนมา อย่างไรก็ดีทั้ง 3 บริษัท มีรายได้จากกิจการในเมียนมา และผู้ป่วยเมียนมา (BH, BDMS) ในประเทศไทย โดยคาดว่าไม่มีผลกระทบ เนื่องจากสินค้าและบริการเกี่ยวกับสุขภาพเป็นเรื่องจำเป็น และรัฐบาลไม่น่าจะจำกัดการซื้อสินค้านำเข้า หรือห้ามผู้ป่วยเดินทางมาประเทศไทยเพื่อทำการรักษา จึงมีคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้นทั้งสามตัว โดย MEGA มีราคาเป้าหมาย 66 บาท BH ราคาเป้าหมาย 185 บาท BDMS ราคาเป้าหมาย 29 บาท
บล.เคทีบีเอสที มีมุมมองเป็นกลาง วานนี้ (18 ก.ค.) ราคาหุ้นกลุ่มบริษัทฯที่ประกอบธุรกิจในเมียนมา ได้ปรับตัวลง ได้แก่ MEGA (-10%), CBG (-3%), SAPPE (-3%), OSP (-2%) ได้สอบถามไปยังบริษัทฯต่าง ๆ ที่ประกอบธุรกิจในเมียนมา จึงมองว่าไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาเป็นจังหวะให้เข้าสะสมหุ้นกลุ่มข้างต้น โดยชอบ MEGA (ซื้อ/เป้า 67.00 บาท) จากแนวโน้มกำไรที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป ได้อานิสงส์ค่าเงินบาทอ่อน และผู้บริโภคที่ health conscious มากขึ้นหนุนการเติบโต
ทั้งนี้ บริษัทที่มีสัดส่วนรายได้จากพม่าอย่างมีนัยสำคัญ เรียงตามลำดับสัดส่วนรายได้ในเมียนมา จากมากไปน้อย ได้แก่ MEGA (ซื้อ/ เป้า 67.00 บาท), OSP (ถือ/ เป้า 37.00 บาท) , CBG (ถือ/ เป้า 107.00 บาท) สำหรับบริษัทที่มีผลการดำเนินงานในเมียนมาร์ แต่สัดส่วนรายได้ไม่มีนัยสำคัญ ได้แก่ AEONTS (ซื้อ/ เป้า 200.00 บาท), AMATA (ซื้อ/ เป้า 23.50 บาท), CPF (ซื้อ/ เป้า 30.00 บาท) , SAPPE (NR) , TVO (ถือ/ เป้า 33.50 บาท), PTTEP (ซื้อ/ เป้า 190.00 บาท) และ SCC (ซื้อ/เป้า 440.00 บาท)
บล.เอเอสแอล มองสถานการณ์เมียนมาที่ประกาศการชะลอจ่ายคืนหนี้ต่างประเทศ มองเป็นการซ้ำเติมต่อค่าเงินจ๊าดของพม่า ซึ่งจะกระทบต่อทุนสำรองธนาคารในอนาคต โดยในคำสั่งกำหนดให้ภาคเอกชนระงับการจ่ายหนี้แก่เจ้าหนี้ต่างประเทศ และห้ามนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นที่ได้รับผลกระทบอย่าง BDMS, BH, MEGA, CBG, OSP ได้ปรับตัวลงแรงรับ sentiment เชิงลบมาพอสมควรแล้ว มองเป็นโอกาสสะสม
OSP ยันไม่กระทบมาตรการแบงก์ชาติเมียนมา เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง